Home
|
ข่าว

“ชลธิชา-ก้าวไกล” จี้รัฐบาลตื่นตัวชี้แจงกรณี “เมียนมา”

Featured Image
“ชลธิชา-ก้าวไกล” จี้รัฐบาลตื่นตัวชี้แจงกรณี “เมียนมา”ชี้ต้องมีท่าทีทางการเมืองที่สมดุล ต้องมีความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย

 

 

นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อกรณีรัฐบาลทหารเมียนมาขอใช้สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อลงจอดเครื่องบินของกองทัพ เมื่อวันที่ (7 เม.ย. 67) โดยไม่มีคำชี้แจงใด ๆ ออกมาจากปากรัฐบาลและกองทัพไทยเลย ประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาล ต่างต้องพยายามค้นหาข้อเท็จจริงและประเมินความเสี่ยงกันเอง มีเพียงการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ

 

ซึ่งอ้างแหล่งข่าวจากเนปิดอว์ว่า เครื่องบินเมียนมาลำนี้ บินมาเพื่อขนเงินและทรัพย์สินจากธนาคารเมียวดีกลับไปเมียนมา และจะไม่มีเครื่องบินใดเข้ามาเพิ่มเติมอีก ในขณะที่รัฐบาลกลุ่มชาติพันธุ์ก็กังวลว่า หากปฏิบัติการตามแผนการของรัฐบาลเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เสร็จสิ้นแล้ว กองทัพเมียนมาอาจใช้ยุทธการสละเมียวดี คือทิ้งระเบิดปูพรมโดยไม่แยกแยะระหว่างพลเรือนหรือผู้ถืออาวุธ ดังเช่นที่เคยกระทำกับเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐกะเรนนีมาแล้ว

 

ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนคนไทยในพื้นที่ต่างกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น แทนที่เราจะเห็นคำชี้แจงที่มีรายละเอียดที่ชัดเจนจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แต่กลับมีเพียงคำชี้แจงสั้น ๆ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นการขอนำเครื่องบินพลเรือนมาขนของพลเรือน ไม่ใช่ขนอาวุธ ขนกำลังทหาร หรือการขอลี้ภัย แต่เป็นการขอทางการทูตเพื่อมาขนย้ายสิ่งของทางการทูตเท่านั้น

 

หลังจากนั้น เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็ได้แถลงข่าวความยาวเพียง 2 นาทีกว่า ซึ่งไม่ได้ให้ความกระจ่างใด ๆ เลยว่า เครื่องบินจากเมียนมาขนอะไรและมาขนใคร รัฐบาลไทยทำอะไรอยู่ และประชาชนคนไทยจะได้รับประโยชน์หรือได้รับผลกระทบอย่างไรจากเรื่องนี้ และที่น่าผิดหวังคือในการแถลงรอบนี้ เราไม่เห็นการแถลงเตือนประชาชนในพื้นที่ชายแดนว่าจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร หากสถานการณ์การสู้รบชายแดนเมียนมารุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การอพยพหนีภัยสงคราม

 

ซึ่งตอนนี้มีผู้อพยพชาวเมียนมาในพื้นที่เมียวดีได้ยึดแนวริมฝั่งน้ำเมยเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมที่จะข้ามมาในฝั่งไทยทางแม่สอด หากกองทัพเมียนมาเริ่มปฏิบัติการทางทหาร ทิ้งระเบิดใส่ชุมชนอย่างไม่เลือกหน้าอีก

 

ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ คนทั่วโลกต่างกำลังตื่นตัวและติดตามอย่างใกล้ชิด ณ จุดนี้ รัฐบาลไทยต้องตื่น ออกมาชี้แจงว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับกองทัพเมียนมาอยู่ในระดับใด มีมาตรฐานปฏิบัติอย่างไร จากกระแสรายงานข่าวที่ว่ามีการขนทรัพย์สินเงินทองกลับไปนั้นจริงหรือไม่ เงินเหล่านี้เป็นเงินของใคร เงินได้มาจากไหน ขนเงินเข้ามาในสถานะอะไร การอนุญาตให้ขนเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นเข้ามาในไทยได้เป็นไปตามกระบวนการและกฎหมายภายในประเทศแล้วใช่หรือไม่

 

สส.ก้าวไกลกล่าวต่อว่า จากกระแสข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเชลยศึกหรือพลเรือนกลับเมียนมา หรือการเคลื่อนย้ายเงินทองทรัพย์สินจากต่างแดน ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อไปนี้เพื่อรับมือสถานการณ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้เกิดความชัดเจน

 

(1) รัฐบาลต้องมีความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วน เพราะการสื่อสารของคนในรัฐบาลที่ไม่ตรงกัน นำมาซึ่งความสับสน ประชาชนไม่เชื่อมั่น

(2) รัฐบาลต้องมีท่าทีทางการเมืองที่สมดุล ที่ผ่านมารัฐบาลถูกตั้งคำถามว่าได้ปฏิบัติต่อสองฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมาและฝ่ายต่อต้าน อย่างเท่าเทียมด้วยมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้มีความสำคัญมากต่อบทบาทของไทยในฐานะประเทศตัวกลาง โดยวิธีหนึ่งที่จะรับมือเรื่องนี้ได้คือการชี้แจงแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ หรือ SOP (Standard Operating Procedure) ที่จัดทำโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีการชี้แจงต่อสาธารณะ

 

ตนเกรงว่าหากไทยวางตัวผิดพลาด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาในการสู้รบนี้ เช่น นำกำลังทหารออกจากพื้นที่เพื่อให้กลับมารบใหม่ หรือขนทรัพย์สินสิ่งของที่อาจถูกนำมาใช้เพื่อการทำสงครามอีก หรือเปิดทางเพื่อให้กองทัพเมียนมาสามารถถล่มเมียวดีได้โดยสะดวก ผลกระทบก็จะตกอยู่กับประชาชนไทย โดยเฉพาะประชาชนบริเวณชายแดน และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัฐบาลเมียนมาในอนาคต

(3) รัฐบาลต้องมีบทบาทเชิงรุกต่อสถานการณ์ในเมียนมาได้แล้ว แทนที่จะนิ่งเงียบ รัฐบาลเศรษฐาต้องออกมาคุยกันอย่างคนโต ๆ ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป และตอนนี้ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์การอพยพหนีภัยสงครามแล้วหรือยัง

 

การรับมือนั้นคงไม่ใช่การเฝ้าระวังไม่ให้คนข้ามแดนมา แต่จะต้องเป็นการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คนได้หนีร้อนมาพึ่งเย็น ใช้หลักมนุษยธรรมกับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นข้าราชการเมียนมาหรือประชาชนริมขอบแดน หากไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้ให้รอบคอบ ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณสุขชายแดนที่ล้มเหลวในการควบคุมโรคติดต่ออย่างมาลาเรีย วัณโรค และโรคท้องร่วง ผลกระทบด้านการจัดสรรทรัพยากรชายแดน และภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก

 

ทั้งนี้ ตนต้องย้ำว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาว ลำพังการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แม้จำเป็นแต่ไม่เพียงพอ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ เช่น รัฐบาลไทยต้องมีบทบาทนำในกระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมา โดยยึดมั่นคุณค่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และกระบวนการยุติธรรม

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube