“ปกรณ์” งงกระแสกู้เงิน ธ.ก.ส. แจกเงินดิจิทัลฯ ยันไม่มีหารือในบอร์ด ชี้ใช้ ม.28 ได้ แต่ต้องกำหนดเสนอ ครม. แต่หากเสนอขอความเห็นชอบกฤษฎี ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ย้ำนายกฯ แค่ทำหน้าที่ ไม่เข้าหลักขัดกันของผลประโยชน์
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เห็นชอบ ให้ใช้เงินประมาณ 1.7 แสนล้านบาท จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ มาดำเนินการในโครงการแจกเงินดิจิทัลฯ ว่า ในวันประชุม คณะกรรมการนโยบายฯ มีการพูดถึง แหล่งเงิน ว่ามาจาก 3 แหล่งคืองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ปี2568 และส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินการตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่รับงบประมาณ ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการกู้เงินจากธ.ก.สในที่ประชุม จึงไม่ทราบว่ามีการนำเรื่องกู้เงินมาจากไหน
พร้อมกันนี้ นายปกรณ์ ยังชี้แจงว่า การดำเนินโครงการตาม มาตรา 28 สามารถทำได้ แต่จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดเป็นโครงการเสนอต่อ ครม. แต่ตนยืนยันว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯครั้งที่ผ่านมา ไม่มีการพูดเรื่องการใช้เงินจาก ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อนในฐานะโครงการหรือกิจกรรมของรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อถามว่าการดำเนินการตามมาตรา 28 เงินดังกล่าวจะต้องให้กับเกษตรกรเท่านั้นใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ใช่ ส่วนรายละเอียดเรื่องการดำเนินโครงการการตรวจสอบว่าเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องไปดูแลเหมือนกับทุกโครงการที่ผ่านมา
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีและ สหภาพธ.ก.ส.อยากให้กฤษฎีกาตรวจสอบข้อกฎหมาย ก่อนว่านขัดกับ พ ร.บ. ธ.ก.ส.หรือไม่ จะส่งผลให้การดำเนินโครงการล่าช้าไปอีกหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า หากมีการนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี สำนักงานกฤษฎีกาจะสามารถเสนอความเห็นได้เอง แต่ถ้าเป็นการส่งเรื่องเพื่อขอหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา จะต้องเป็นไปตามกระบวนการในการขอความเห็น จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนตามขั้นตอนของการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น กระทรวงการคลัง ถ้าหาข้อยุติไม่ได้จึงจะไปสู่กฤษฎีกา ซึ่งก็จะต้องมีการนัดประชุมอย่างน้อย 2-3 ครั้ง
จึงจำวันที่ใช้ได้ว่าจะเข้าตามหลักการของพรบ. ธ.ก.สหรือไม่ จึงไม่ทราบว่าจะส่งผลให้มีความล่าช้าหรือไม่เพราะไม่รู้ว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เมื่อไหร่ แต่หากมีการเสนอผลการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่แล้ว ก็เป็นเพียงหลักการของแหล่งที่มาเงินทั้งจาก 3 แหล่งเท่านั้น
เมื่อถามว่าการใช้เงินตามมาตรา 28 กับการใช้เงินของ ธ.ก.ส. เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกัน การใช้เงินตามมาตรา 28 จะมีการกำหนดโครงการเพื่อจัดสรรงบประมาณ และประเมินข้อดีข้อเสียข้อเสีย ประเมินทางเลือกอื่น ตามมาตรา 27ด้วย ซึ่งการดำเนินการตามมาตรา 28 หากไม่ผ่านธ.ก.ส. จะเป็นหน่วยงานอื่น ได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังว่าจะมองอย่างไร เพราะเป็นผู้ริเริ่มโครงการ
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าหาก หากใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติโครงการ ของธ.ก.ส.ในการดำเนินการ จัดเงินดิจิทัล วออลเล็ต 10,000 บาทอาจจะเข้าหลักขัดกันของผลประโยชน์ นายปกรณ์ กล่าวว่ามันเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ท่านสวมหมวกในฐานะประธานธ.ก.ส. ซึ่งทุกเรื่องก็เป็นอย่างนี้
อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจที่ต้องเขามาดำเนินการเรื่องนี้ เพราะถือเป็นหน้าที่ของกฤษฎีกาอยู่แล้ว ในการดูแลให้รัฐบาลดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย อย่าไปคิดมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews