“สหัสวัต-ก้าวไกล” ยินดีรัฐบาลเตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาททั่วประเทศ 1 พ.ค.นี้ ฝากคุมภาคธุรกิจไม่ให้ฉกฉวยขึ้นค่าครองชีพ ดูแลสวัสดิการแรงงานอิสระ พร้อมปรับกฎหมายแรงงานให้สอดรับอนุสัญญา ILO
นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เขต 7 พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า คณะกรรมการไตรภาคีเตรียมอนุมัติการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 400 บาทในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ รวมถึงจะมีการลงนามรับรองอนุสัญญาฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ค.ศ. 1948 และอนุสัญญาฉบับที่ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัวกันและสิทธิในการร่วมเจรจาต่อรอง ค.ศ. 1949 และอีกประเด็นคือการขยายเวลากู้เงินสำหรับแรงงานอิสระที่ทำงานจากที่บ้าน
ทั้งนี้ ขอขอบคุณรัฐมนตรีที่เล็งเห็นความสำคัญเรื่องค่าแรงขั้นต่ำและประกาศที่จะปรับขึ้น แต่ตนมีข้อสังเกตต่อประเด็นนี้ว่า การขึ้นค่าแรงครั้งนี้เป็นผลมาจากคณะกรรมการไตรภาคี หรือเป็นผลงานของรัฐบาลกันแน่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ค่าแรงยังไม่ขึ้น รัฐบาลมักบอกว่าเป็นเพราะสูตรคำนวนและคณะกรรมการไตรภาคีที่ถ่วงไว้ รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่เมื่อขึ้นได้กลับจะเคลมผลงานเป็นของรัฐบาล สรุปแล้วแทรกแซงได้หรือไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหากท้ายที่สุดแล้วประชาชนได้ประโยชน์
ที่สำคัญกว่านั้น หลังจากขึ้นค่าแรง สิ่งที่รัฐบาลต้องทำต่อคือการพูดคุยกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อควบคุมราคาสินค้าและบริการ เนื่องจากทุกครั้งที่มีการขึ้นค่าแรงจะมีนายทุนจำนวนหนึ่งอ้างว่าต้นทุนสูงขึ้นและฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสินค้าเสมอ ส่งผลให้ท้ายที่สุดค่าครองชีพของผู้ใช้แรงงานก็จะยังสูงขึ้นอยู่ดี เพื่อให้ครอบคลุมจึงจำเป็นที่จะต้องมีทั้งการขึ้นค่าแรงและดูแลเรื่องค่าครองชีพไปพร้อมกัน
สำหรับในประเด็นเรื่องการขยายเวลากู้เงินสำหรับแรงงานรับงานไปทำที่บ้านนั้น ตนเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องที่ดี สมควรทำ แต่นอกจากการเข้าถึงแหล่งเงินกู้แล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างมากของผู้ใช้แรงงานรับงานไปทำที่บ้านคือเรื่องความมั่นคงและสวัสดิการต่าง ๆ สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่แค่เพียงเรื่องเงินกู้ แต่ต้องพยายามทำให้แรงงานเหล่านี้มีสวัสดิการที่ดี และได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอ ไม่น้อยกว่าแรงงานในระบบ การทำงานใด ๆ ต้องได้รับการคุ้มครองและสวัสดิการเพื่อให้มีความมั่นคงมากขึ้น เพราะปัญหาของคนเหล่านี้คือเมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน สามารถถูกเลิกจ้างได้ง่าย ดังนั้น โจทย์ต่อไปคือจะทำอย่างไรให้แรงงานเหล่านี้มีความมั่นคงในระยะยาวให้ได้
ประเด็นสุดท้าย เรื่องอนุสัญญาฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ค.ศ. 1948 และอนุสัญญาฉบับที่ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัวกันและสิทธิในการร่วมเจรจาต่อรอง ค.ศ. 1949 สหัสวัตกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเห็นด้วยและขอบคุณรัฐมนตรีที่นำข้อเรียกร้องของขบวนการแรงงานที่เรียกร้องกันมาเป็นสิบ ๆ ปีเข้าสู่การพิจารณาและจะรับรอง อย่างไรก็ดี อนุสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงสัญลักษณ์ หากจะทำให้มีผลบังคับใช้จริงต้องมีกฎหมายของประเทศต้นทางที่รองรับอนุสัญญาดังกล่าวด้วย
ดังนั้น เพื่อจะให้อนุสัญญาดังกล่าวเป็นผลและทำให้พี่น้องแรงงานได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวจริง ๆ ก็ต้องมีการพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน รวมทั้ง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องใหม่ด้วย โดยเฉพาะเรื่องการรวมกลุ่มใน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ที่ยังมีจุดอ่อนอยู่มาก จึงต้องแก้ไขเพื่อให้ทันยุคทันสมัย สอดรับกับการลงนามอนุสัญญาทั้งสองฉบับ และสามารถบังคับใช้และเป็นประโยชน์ต่อแรงงานจริง ไม่เป็นเพียงแค่การลงนามแต่บังคับใช้ไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews