“พิมพ์ภัทรา” กำชับกรมโรงงานฯ และ อุตสาหกรรมจังหวัด เร่งเตือนสถานประกอบการ แยกสารเคมีอันตราย หวั่นเกิดไฟไหม้ซ้ำ แจง โกดังพระราม 2 เพราะเพราะอากาศร้อนจัด
จากเหตุการณ์ สารเคมีรั่วไหลในโกดังเก็บสารเคมี จนเกิดกลุ่มควันสีขาวที่โรงงาน ย่านพระราม 2 ในช่วงเวลาประมาณ 02.10 ของวันที่ 25 เมษายน โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้ตรวจสอบถึงสาเหตุ และได้รายงานให้ทราบว่า สถานที่เกิดเหตุคือ อาคารเก็บสารเคมีของบริษัท เพรสซิเดนท์เคมีภัณฑ์ จำกัด ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนกลุ่มควันสีขาวเกิดจาก สารเคมี 2 ถังในอาคารหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการขนย้ายสารเคมีในกลุ่มเดียวกันออกมาด้านนอกอาคาร และใช้น้ำในการควบคุมควันที่เกิดขึ้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการเปิดบรรจุภัณฑ์เมื่อสารเคมีกระทบอากาศทำให้เกิดไฟลุกไหม้ภายในถัง จึงเร่งควบคุมเพลิงเพื่อไม่ให้สารเคมีแพร่กระจาย โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า จากการตรวจสอบชนิดของสารเคมีพบในที่เกิดเหตุ คือสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่เข้าข่ายวัตถุอันตรายตามพรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ 2535 เป็นสารเคมีตามประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง (self-heating) และความร้อนเกิดจากตัวสารทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศที่อุณหภูมิรอบตัว สามารถลุกติดไฟได้เมื่อมีความร้อนสะสมต่อเนื่องภายในถึงอุณหภูมิที่สามารถลุกติดไฟได้ด้วยตนเอง (auto-ignition temperature) ทั้งนี้จากการสันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการสะสมความร้อนภายในบรรจุภัณฑ์ของสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ทำให้ภายในบรรจุภัณฑ์มีอุณหภูมิสูงจนทำให้มีกลุ่มควันเกิดขึ้น
“ได้กำชับไปทาง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงาน และอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด ว่า ให้เร่งแจ้งเตือนสถานประกอบการที่มีการจัดเก็บสารเคมี ให้เพิ่มความระมัดระวัง และตรวจสอบสถานที่จัดเก็บให้เป็นไปตามข้อกำหนด ทั้งโรงงานและสถานที่ครอบครองจัดเก็บวัตถุอันตราย หรือสารเคมี โดยต้อง ตรวจสอบสารเคมีที่จัดเก็บ เช็ค MSDS เอกสารข้อมูลความปลอดภัย ว่ามีสารเคมีที่มีคุณสมบัติลักษณะเดียวกันนี้ คือเกิดปฏิกิริยา หรือติดไฟเองได้ หากอุณหภูมิการจัดเก็บสูง”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews