นายกฯ ตรวจความพร้อมแก้ปัญหาเรือเกยคลองซูเอส คาดไม่กระทบระยะยาว พลังงานไม่กังวล
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ เมื่อ 23 มี.ค. ที่เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ Ever Given
เกยตื้นขวางคลองซูเอส ซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งทางเรือที่สำคัญของโลก เสมือนทางลัดเชื่อมเอเซียกับยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่ของสินค้าไทย
ทำให้มีเรือบรรทุกสินค้าลำอื่น ติดอยู่กว่า 300 ลำ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ติดตามสถานการณ์เพื่อเตรียมการรองรับ
ผลกระทบและหามาตรการทางออกให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศเตรียมพร้อมการประสานงานกับผู้นำเข้าและส่งออกเรื่องขอขยายเวลาการส่งสินค้ารวมถึงดูแลผู้ส่งออกหากพิจารณาเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งไปเป็นเส้นแหลมกู๊ดโฮป ทวีปแอฟริกาสู่ยุโรปแทน เพื่อให้สามารถส่งสินค้าไปได้ซึ่งจะมีต้นทุนเพิ่มและใช้เวลานานขึ้นโดยประมาณ10 วัน อีกทั้ง มอบหมายกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นศูนย์กลางในการประสานงานเรื่องที่จะต้องมีการหารือในข้อกังวลต่างๆของภาคเอกชนต่อไป
ในด้านพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประเมินว่าจะไม่กระทบต่ออุปทานพลังงานของประเทศไทยทั้งน้ำมันก๊าซหุงต้ม (LPG)และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เนื่องจากสัดส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติที่ต้องขนส่งผ่านเส้นทางนี้มีไม่สูงนัก และผู้ประกอบการได้บริหารจัดการปรับเส้นทางการขนส่งทางเรือไปใช้เส้นทางอื่น และเช่นเดียวกัน ไม่ต้องวิตกกังวลปัญหาขาดแคลนน้ำมัน เพราะมีการนำเข้าจากหลายแหล่งผลิตอีกทั้งผู้ประกอบการมีการสต๊อกน้ำมันไว้เพียงพอ เป็นไปตามปริมาณที่กฎหมายกำหนด
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไม่นิ่งนอนใจต่อความกังวลของผู้ประกอบการทั้งนำเข้าและส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
ไม่คาดคิดนี้ แต่จากการติดตามข้อมูล คาดว่าจะไม่กระทบในระยะยาวเพราะทางบริษัทเจ้าของเรือและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเพื่อ
แก้ปัญหาอยู่ทั้งการเคลื่อนเรือและลดน้ำหนักเรือด้วยการยกตู้คอนเทนเนอร์ออก หากภาคเอกชนมีข้อติดขัดในเรื่องใด รัฐบาลก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือดังเช่นที่ผ่านมาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งนายกฯได้เร่งรัดให้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบ อำนวยความสะดวกแก้ผู้ประกอบการ จนปัญหาคลี่คลายแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news