Home
|
ข่าว

กมธ.อุตฯตามคืบหน้าย้ายกากแคดเมียม-ไฟไหม้โรงงานสารเคมี

Featured Image

 

 

กมธ.อุตฯตามคืบหน้าขนย้ายกากแคดเมียม ดำเนินคดีกับผู้ ที่ละเมิดกฎหมาย “อัครเดช” จี้สอบเหตุไฟไหม้โรงงานสารเคมี

 

 

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการว่า ได้เชิญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเมืองแร่ และกรมควบคุมมลพิษ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ ที่ละเมิดกฎหมายทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

โดยความคืบหน้าในการขนย้ายกากแคดมียม นายอัครเดช กล่าวว่า ในวันนี้จะเป็นการติดตามว่า มีการขนย้ายกากแคดเมียมแล้วเสร็จไปแล้วกี่ตัน เบื้องต้นทราบว่าทางกรุงเทพมหานครขนย้ายเสร็จแล้ว ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดชลบุรีจะได้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าชี้แจงในส่วนนี้

สำหรับเรื่องใบอนุญาตโรงงาน (ใบ รง.4) ที่ยังค้างการพิจารณาอยู่หลาย 100 ราย ที่ต้องเร่งออกใบอนุญาตตามคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั้น นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงปัญหาในการออกใบอนุญาตโรงงาน โดยเบื้องต้นพบว่า เอกสารไม่ครบถ้วน และมีการส่งกลับไปให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดรวบรวมเอกสารเพิ่ม คาดว่า ขณะนี้จะส่งกลับมาที่กรมแล้ว ซึ่งเมื่อเอกสารครบแล้ว ก็จะสามารถอนุญาตออกใบ รง.4 ได้ ในส่วนของคณะกรรมาธิการได้ให้ข้อสังเกตไปว่า การออกอนุญาตตามที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดนั้น เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น เพราะประเทศต้องตอบรับการลงทุนจากนักลงทุน ดังนั้น ใบอนุญาตออกช้า ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน ที่นายกรัฐมนตรีสั่งจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการฯ มองว่า นอกจากออกใบอนุญาตแล้ว ต้องมีการกำกับให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติตามระเบียบเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่เมื่อได้ใบอนุญาตแล้ว ขาดการกำกับดูแลจะทำให้ผู้ประกอบการละเมิดกฎหมายส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

 

ทั้งนี้ ในส่วนของไฟไหม้โรงงานหลายแห่งที่สามารถบ่งชี้ว่า มาจากการวางเพลิง หรือ อาจเป็นอุบัติเหตุนั้น นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้น เกิดจากการที่ภาวะอากาศร้อนจัดเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้งเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการควบคุมเพลิงต้องรวดเร็ว ในวันนี้ ทางคณะกรรมธิการจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวกับการควบคุมเพลิง เช่น ของ ปภ. เข้าชี้แจงว่าเวลาเกิดเพลิงไหม้มีแผนในการเผชิญเหตุและการควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างไร เพื่อดูความพร้อมในการควบคุมเพลิง

ขณะประเด็นการวางเพลิง เพื่อเผาทำลายหลักฐานนั้น เช่น กรณีที่จังหวัดระยอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าจะต้องเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดให้ได้ ทางกรรมาธิการสนับสนุนแนวคิดของรัฐมนตรี โดยกระบวนการติดตามผู้กระทำความผิดทั้งการสืบสวนและสอบสวน เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาจำเป็นแล้วหรือไม่ที่จำเป็นจะต้องพัฒนาแอพพลิเคชั่นในการแจ้งเตือนประชาชน นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่ว่าจะในกรณีของการวางเพลิง หรืออุบัติเหตุสิ่งสำคัญที่สุด คือ แผนเผชิญเหตุ การสื่อสารจากภาครัฐไปยังประชาชนเป็นสิ่งสำคัญจะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงและได้รับข้อสังเกตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชุมครั้งนี้ด้วย

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube