“ไทย-ภูฏาน” ถก FTA รอบแรก วางแผนงานเจรจา จัดตั้งคณะทำงานด้านการค้าสินค้า ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม รอบ 2 ส.ค.นี้ เล็งปิดดีลปีหน้า
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พาณิชย์ และการจ้างงานภูฏาน ได้ร่วมประกาศเปิดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับภูฏาน ในช่วงการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-ภูฏาน (JTC) ครั้งที่ 5
โดยคณะเจรจาของไทยและภูฏานจึงได้ประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ภูฏาน จึงได้เปิดการเจรจารอบแรก โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย และนายโซแนม เชอริง ดอร์จิ ผู้อำนวยการกรมการค้า เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายภูฏาน
ซึ่งการเจรจารอบนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปโครงสร้างของความตกลงสำหรับเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า โดยจะจัดตั้งคณะทำงาน 8 ชุด ประกอบด้วย ด้านการค้าสินค้า ด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ด้านพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ด้านมาตรการเยียวยาทางการค้า ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ด้านอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และด้านกฏหมาย พร้อมทั้งได้ร่วมกันจัดทำแผนงานการเจรจาฯ ซึ่งตั้งเป้าสรุปผลภายในปี 2568
และหลังจากนี้ ฝ่ายไทยจะเสนอร่างบทในเรื่องต่างๆ ให้ฝ่ายภูฏานพิจารณา และจะจัดประชุมออนไลน์เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิคระหว่างกัน ก่อนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับการหารือระหว่างนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนายเชริง ท็อปเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน นายกรัฐมนตรีภูฏานขอให้พิจารณาเร่งรัดสรุปผลการเจรจาโดยเร็วที่สุด ซึ่งทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า FTA ไทย-ภูฏาน จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยผู้บริโภคภูฏานมีความนิยม รวมทั้งยอมรับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าและบริการของไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“การจัดทำ FTA จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มปริมาณการค้าสองฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายถึง 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไทย เนื่องจากภูฏานจะเป็นตลาดรองรับการส่งออกของไทยในระยะยาว
รวมทั้งมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง และได้ก้าวเป็นประเทศกำลังพัฒนาเมื่อปี 2566 อีกทั้งจะช่วยสร้างศักยภาพทางการแข่งขันของสินค้าไทยจากการลดเลิกภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ สินค้าเกษตรและอาหาร (ผลไม้อบแห้ง น้ำผลไม้ เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารปรุงแต่ง) สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า”
ทั้งนี้ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 18.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 18.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 0.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในช่วง 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค. 2567) การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 3.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 3.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 0.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผ้าผืน และข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ยางสำหรับอากาศยาน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์โลหะ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews