Home
|
ข่าว

ก้าวไกล ชี้เปลี่ยนนายกฯ-พลิกขั้วรัฐบาลยังไกลเกินไป

Featured Image

 

 

 

ก้าวไกล หวังเลือก สว.รวดเร็วโปร่งใสทันกรอบ ก.ค. ชวนประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตาป้องกันฮั้ว ขณะเล็งใช้กลไกสภาสอบ “พิชิต” ย้ำฝ่ายค้านยังตรวจสอบเข้มข้น มองคาดการณ์เปลี่ยนนายกฯ-พลิกขั้วรัฐบาลยังไกลเกินไป

 

 

 

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงห้วงเวลากระบวนการการรับสมัครวุฒิสภา หรือ สว.ว่า พรรคก้าวไกล หวังว่า กระบวนการจะเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว สามาถมีสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่ได้ทันตามปฏิทินของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ไม่เกินเดือนกรกฎาคมนี้ และประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด เจ้าหน้าที่หน้างานไม่มีการปฏิบัติหน้าที่เกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น เรียกเอกสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อาทิ สูติบัตร หรือความไม่พร้อมของระบบ จนทำให้ผู้ที่จัดสรรเวลามา ไม่สามารถสมัครได้ตามแผนเวลาที่วางไว้ เป็นต้น และทุกหน่วยการเปิดรับสมัคร จะต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการป้องกันการฮั้ว และการป้องกันไม่ให้ข้อมูลจำนวนผู้สมัครในแต่ละกลุ่มอาชีพ ในแต่ละอำเภอรั่วไหล ซึ่งก็ได้รั่วไหลออกมาแล้ว ดังนั้น กกต.จะต้องกำชับไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ควรรั่วไหลต้องรั่วไหลออกไป

 

ส่วนการฮั้วการเลือก สว.ที่ถูกมองเชื่อมโยงกับคณะก้าวหน้า หรือกลุ่มไอลอว์ที่ชักชวนให้ประชาชนออกมาสมัครกันนั้น นายพริษฐ์ มองว่า การรณรงค์ให้ประชาชนมาสมัครให้มากที่สุด จะทำให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้น เพราะยิ่งเมื่อมีผู้สมัครมากเท่าใด ก็จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกมีมากเท่านั้น เกิดการคัดกรองผู้สมัครที่มีความเหมาะสมในการเป็น สว. และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต.ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า สามารถทำได้ แต่สำหรับอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการจับกลุ่มให้ลงคะแนนให้กันและกัน หรือจ้างบุคคลไปลงสมัครมาลงคะแนนให้ตนเอง ประชาชนก็จะต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตา และ กกต.จะต้องไม่ให้ข้อมูลผู้สมัครรั่วไหล

 

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองจัดตั้งกลุ่มการเมืองไปสมัคร สว.จนอาจทำให้ได้ สว.ไม่ต้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญว่า ตามกติกาพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการฮั้ว หรือกลุ่มใดเข้าไปมีอิทธิพลในการเลือก แต่วิธีการที่ดีที่สุดจะต้องทำให้ประชาชนไปสมัคร สว.ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้กลุ่มจัดตั้งอ่อนกำลังลงควบคู่กับการกำชับให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด

 

เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่ในระยะยาวนั้น สว.ชุดใหม่ แม้จะไม่อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ก็ยังมีอำนาจอื่น ๆ สูง ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สว.ก็ควรจะมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่งหลังจากการเลือก สว.ครั้งนี้เสร็จควรจะมีการทบทวนโครงสร้างอำนาจที่มาของ สว.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยว่า ควรจะมี สว.หรือไม่ และ สว.ควรมีอำนาจอย่างไร

 

ส่วนการประเมินภายหลังการเลือก สว.เสร็จสิ้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้สมัคร สว.ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จะมีโอกาสดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น นายพริษฐ์ เห็นว่า ยังมีอีกหลายขั้นตอนถึงจะมีการเลือกประธานวุฒิสภา แต่สิ่งที่ควรดำเนินการควรทำให้กระบวนการคัดเลือก เป็นไปด้วยความราบรื่น รวดเร็ว สุจริต โปร่งใส

 

ทั้งนี้ การสมัครของนายสมชาย จะเป็นการประลองกำลังการเมืองระดับชาติได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตามเจตนาแล้ว การคัดเลือก สว.ถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การตีความในลักษณะนี้ ประชาชนจึงอาจตั้งคำถามได้ ดังนั้น โดยพฤตินัยผู้สมัครต้องไม่มีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง

 

ขณะเดียวกัน นายพริษฐ์ กล่าวถึงการดำเนินการของฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบคุณสมบัติ และมาตรฐานทางจริยธรรมของนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกสมาชิกวุฒิสภา ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่ายค้าน จะใช้กลไกสภาในการตรวจสอบรัฐบาลอยู่แล้ว ผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งการดำเนินนโยบาย และการทำงานของรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อมีการเปิดสมัยประชุม เชื่อว่า พรรคก้าวไกล จะใช้กลไกสภาเต็มที่ ทั้งการตั้งกระทู้ถาม กลไกกรรมาธิการ รวมถึงการเสนอร่างกฎหมายต่าง ๆ จึงยืนยันว่า พรรคก้าวไกล มีการตรวจสอบรัฐบาลเข้มข้นแน่นอน

 

ส่วนที่มีการมอง สว.ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลเข้มข้นกว่าฝ่ายค้านนั้น นายพริษฐ์ มองว่า สว.ได้ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญในการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ในการตีความลักษณะต้องห้าม ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดหลายข้อที่เป็นนามธรรม และอาจเป็นแนวทางที่ สว.เลือกใช้ แต่พรรคก้าวไกลเลือกใช้กลไกสภาเป็นกลไกหลักในการตรวจสอบรัฐบาล และเชื่อว่า หากรัฐบาลตั้งรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม สุดท้ายก็จะต้องถูกประชาชนตัดสินในคูหาเลือกตั้ง

 

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการประเมินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความดังกล่าว อาจถึงขั้นการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาลว่า เป็นการคาดการณ์ที่ไปไกล เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการรับคำร้อง และท้ายที่สุดหากถึงขั้นนายกรัฐมนตรีต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่นั้น พรรคก้าวไกล ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อในฐานะฝ่ายค้าน

 

นายพริษฐ์ ยังมองการดำเนินการของวุฒิสภาดังกล่าวว่า ในเชิงการเมืองเป็นความพยายามของ สว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เข้ามามีบทบาทกำหนดว่า ใครจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว และผ่านไป 1 ปีในช่วงเปลี่ยนผ่านรักษาการ ก็ยังใช้อำนาจมาแทรกแซงว่า ใครจะปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งประชาชน มีสิทธิ ที่จะตั้งคำถามถึงคุณสมบัติ และความเหมาะสมของรัฐมนตรี แต่ตามครรลองระบอบประชาธิปไตยนั้น รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีจะอยู่ได้หรือไม่ได้ รัฐมนตรีเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ควรถูกประชาชนตัดสินผ่านคูหาเลือกตั้ง และหากนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบทางการเมือง และรับเสียงสะท้อนผ่านเสียงเลือกตั้ง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube