Home
|
ข่าว

นายกฯ เผย ภาพรวมภารกิจอิตาลี เข้าใจคนเร่งหวังผล

Featured Image
นายกฯ เผย ภาพรวมภารกิจอิตาลี เข้าใจคนเร่งหวังผล มอง การลงทุนหลักแสนล้านต้องใช้เวลา ยัน ไม่นานเท่าสร้างกรุงโรม ย้ำหลายอย่างเกิดขึ้นแล้ว

 

 

 

 

(21 พ.ค.67) เวลา 11.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี (ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังได้หาคือกับบริษัทบริษัท บาริลลา ฟราเตลลี (Barilla G.e.R. Fratelli S.p.A.) และบริษัท Eni (เอนี่) เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (20 พ.ค.67) ว่า บริษัท บาริลลา ฟราเตลลี เป็นบริษัททำเส้นพาสต้า ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี และต้องการขยายการลงทุนไปที่ประเทศไทย แทนที่จะขายแค่เส้นพาสต้าหรือว่าอาหารสำเร็จรูป

 

 

 

โดยบริษัทดังกล่าวมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ดี มีทักษะที่เหมาะสม โดย BOI ก็ให้การสนับสนุน อยากจะให้นำสิ่งเหล่านี้เป็นฐานการผลิต และกระจายไปยังประเทศในอาเซียน ตนจึงได้แนะนำบริษัทดังกล่าวไปว่าหากไม่เกี่ยวกับหมู ก็อยากให้มาตั้งโรงงานที่ไทยเพื่อผลิตสินค้าฮาลาล ซึ่งบริษัท Barilla ก็ให้ความสนใจพร้อมกับให้คำแนะนำว่าอาหารฮาลาลมีตลาดใหญ่อยู่ที่ทวีปแอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่สามารถมารองรับได้ โดยจะต้องหาพาร์ทเนอร์ให้กับทางบริษัท ที่พยายามคุยอยู่ 2-3 บริษัท และเร่งหาโดยเร็ว เพื่อจะได้มาซื้อวัสดุของไทย

 

 

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้พูดคุยกับผู้บริหาร บริษัท Eni (เอนี่) ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเลียมเคมีที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่ง ซึ่งได้ทำการค้าขายกับ ประเทศไทยอยู่แล้ว กับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และมีการซื้อก๊าซจากบริษัทนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในการขุดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ

 

 

เรียกได้ว่าเป็นเบอร์หนึ่ง หากประเทศไทยแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA)ได้ บริษัทดังกล่าวก็สนใจที่จะเข้าร่วมการลงทุน และเข้ามามีส่วนร่วมในการขุดเจาะหาก๊าซธรรมชาติ และความตั้งใจของตนเองก็อยากให้บริษัท Eni มาตั้งบริษัทที่ไทยด้วยเช่นเดียวกับบริษัท Barilla ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี นอกจากนี้จะมีการจัดทำเรื่องน้ำมันเครื่องบินที่ทำจาก Biofil ด้วย ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็อยากจะมาตั้งโรงงานแต่อยู่ในช่วงระหว่างจัดทำข้อมูล หากมีความคุ้มค่า และเหมาะสมก็จะมาตั้งโรงงานที่ไทย

 

 

ส่วนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เข้าหารือกับผู้บริหารบริษัท Bvlgari ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้มาฝึกงานที่นี่เป็นเวลา2 ปี ระหว่างปี 2010-2011 รัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับงานฝีมือจึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ที่มีความชำนาญ ให้คนไทยได้มีส่วนร่วม และเข้ามาฝึกงานที่นี่ เพราะประเทศไทยก็มีอุตสาหกรรมอัญมณีที่มีชื่อเสียง และบริษัท Bvlgari เองก็ได้ซื้อหินที่มีค่า เช่น พลอยจากประเทศไทย และมีตัวแทนตัวแทนจำหน่ายที่เป็นคนไทยนอกจากนี้เป็นปีที่ครบรอบ 140 ปีและจะมีการออกโชว์ครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเข้าใจว่าคนไทยถูกเชิญมาร่วมงานหลายคน

 

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังพูดถึงภาพรวมการเดินทางมาเยือนสาธารณรัฐอิตาลีและพบปะกับนักธุรกิจหลายบริษัทว่า หลายสิ่งที่จะได้กลับไปประเทศไทยก็คือเรื่อง การแลกเปลี่ยน และการลงทุนข้ามชาติจากทั้งสองฝ่าย เพราะอิตาลีมีความชำนาญเรื่องการออกแบบการดีไซน์ และแฟชั่นต่าง ๆ ตั้งแต่เสื้อผ้ายันเครื่องเพชร ซึ่งเป็นสินค้าไฮเอนด์ ที่มีความชำนาญมาก

 

 

ประเทศไทยก็อยากจะมีการแลกเปลี่ยนในเรื่องนี้ อุตสาหกรรมการออกแบบก็ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ แต่เราไม่สามารถยกระดับให้มีมูลค่าสูงเทียบเท่าเขาได้ อย่างเช่นสินค้าของ Bvlgari เพียงหนึ่งชิ้น ซึ่งชิ้นเดียวมีมูลค่า 40 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท ถือเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงมาก เพราะมีกระบวนการผลิตหลายขั้นตอนตั้งแต่ การเลือกวัตถุดิบและการเจียระไน

 

 

ในขณะที่เรื่องการค้าขายข้ามชาติ เช่นเรื่องอุตสาหกรรมด้านกลาโหม ประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์เยอะมาก และจะต้องไปหารือกับนายกรัฐมนตรีของอิตาลีในรูปแบบ Four eyes ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องของการทหาร พลังงานอาหาร การออกแบบ และดีไซน์

 

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวต้องรอเพราะมีสำนวนสุภาษิตที่ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่ในใจก็ไม่ได้อยากให้นานเท่ากับการสร้างกรุงโรม และในหลายเรื่องที่รัฐบาลไปติดต่อพูดคุยก็มีความคิดที่อยากจะให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งหลายเรื่องได้ทำต่อจากรัฐบาลที่แล้วมา และรัฐบาลนี้ก็เข้ามาสานต่อซึ่งหลายเรื่องเราอาจจะทำได้ทันที

 

 

แต่อีกหลายเรื่องก็ต้องรอเวลาบ้าง เพราะการลงทุนหนึ่งครั้ง หลักหมื่นล้าน แสนล้านก็ต้องดูให้รอบครอบในหลาย ๆ เรื่องหลาย ๆ มิติ เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็จะผลักดันอย่างเต็มที่และมีการพูดคุยกับทีมงานว่าหลังจากนี้จะต้องติดตามงาน ซึ่งเรื่องการลงทุนต้องใช้เวลา ในขณะที่หลายเรื่องก็เริ่มเห็นแล้ว เช่น Microsoft ที่ประกาศว่าจะเข้ามาลงทุน

 

 

โดยเข้าใจว่ามีเสียงที่แสดงความเป็นห่วงว่าจะสามารถทำได้รวดเร็วขนาดไหน แต่สิ่งที่ตนได้เตรียมมาได้ทำทุกอย่างครบหมดแล้ว แต่เรื่องของผลลัพธ์ เราก็มีความทะเยอทะยาน ที่อยากจะได้เยอะ เพราะหลาย ๆ บริษัทที่จะเข้ามาลงทุนก็บอกว่าขอดูจำนวน และความคุ้มค่าก่อน จึงได้แนะนำไปว่าให้มาสร้างสำนักงานในไทยก่อน จะเป็นไข่ก่อนไก่หรือไก่ก่อนไข่ หากนำคนมานั่งทำงานในประเทศไทยได้ก็อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเรื่องการต่อรอง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเรื่องที่เราจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube