อาเซียนยืนหนึ่งใช้สิทธิฯส่งออก FTA สูงสุดปี67
อาเซียนยืนหนึ่งใช้สิทธิฯส่งออก FTA สูงสุดปี67 “ยานยนต์สำหรับขนส่ง-ผลิตภัณฑ์ยาง”เป็นสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุด
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ในช่วง เดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ 2567 มีการส่งออกภายใต้ความตกลง FTA มีมูลค่ารวม 12,000.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ รวม 79.75%
โดยเป็นการส่งออกไปยังอาเซียน ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 4,821.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนการใช้ สิทธิฯ 76% อันดับสองเป็นการใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลงอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 2,611.41 ดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 85.35% อันดับสาม ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 1,229.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 64.83% อันดับสี่ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 1,048.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 78.97% และอันดับห้า ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 858.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 70.30%
โดยสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกภายใต้ FTA สูงที่สุด 5 อันดับแรก คือ (1) ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน ภายใต้ความตกลงอาเซียน มูลค่า 350.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2) ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ภายใต้ความตกลงอาเซียน-จีน มูลค่า 322.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3) รถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ ที่มีเครื่องดีเซลหรือกึ่งดีเซล ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย มูลค่า 306.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4) เนื้อไก่และเครื่องในไก่ที่ปรุงแต่ง ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น มูลค่า 232.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ (5) พลอยและรูปพรรณ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย มูลค่า 44.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในปัจจุบันประเทศไทยมี FTA แล้ว 14 ฉบับ กับคู่ภาคี 18 ประเทศ แบ่งออกเป็นความตกลงทวิภาคี 6 ฉบับ และความตกลงพหุภาคีในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียน 8 ฉบับ โดย FTA ฉบับล่าสุดที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้ร่วมลงนาม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 คือ ความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา ซึ่งถือเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 และคาดว่าจะผลักดันให้มีผลบังคับใช้ได้ภายในปี 2567
นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ในระหว่างการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอื่น ๆ อีก อาทิ ความตกลง การค้าเสรีไทย – สหภาพยุโรป ไทย – สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA ซึ่งประกอบด้วย ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์) ไทย – เกาหลี และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – แคนาดานายรณรงค์ฯ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมการค้าต่างประเทศขอเชิญชวน ให้ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทยใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA เพราะจะทำให้มีแต้มต่อทางการค้า ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ มากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews