หอการค้าไทย-อิตาลี MOU ส่งเสริมการค้า-ลงทุนระหว่างกัน ช่วย SMEs ไทยสร้างมูลค่าสินค้า ด้าน Food & Fashion สู่ตลาดโลก
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ หอการค้าอิตาลี จัดงาน Thai – Italian Business Forum ที่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยได้มีการลงนาม MOU ของภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายเพื่อร่วมกันส่งเสริมการค้าการลงทุน การพัฒนาด้านดิจิทัลและความยั่งยืน รวมถึงการพัฒนา SMEs ของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมเปิดงาน
โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นการสนับสนุนรัฐบาลระหว่างการเยือนยุโรป ซึ่งการลงนาม MOU ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าอิตาลี มีสาระสำคัญในการร่วมกันส่งเสริมการค้าการลงทุน การพัฒนาด้านดิจิทัลและความยั่งยืนในห่วงโซ่มูลค่าของสาขาธุรกิจต่าง ๆ การสร้างกรอบการค้าและอำนวยความสะดวก ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน
รวมถึงการพัฒนา SMEs ของประเทศไทยในด้าน Food & Fashion โดยเฉพาะยกระดับผ้าไหมของไทยให้เป็นสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ซึ่งจากการหารือ ทางอิตาลีพร้อมที่จะถ่ายทอดเทคนิคและเครื่องจักรในการพัฒนาคุณภาพผ้าไหมไทยให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะเปิดโอกาสให้ผ้าไหมไทยไปสู่ตลาดการออกแบบระดับโลกได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยทั้ง value chain ไหมไทย ตั้งแต่เกษตรกร ไปจนถึงนักออกแบบ
นอกจากนั้น ทางอิตาลีพร้อมที่จะช่วยในการสร้างแบรนด์ และการสร้างคุณค่า ให้กับสินค้าไทย เช่น เซรามิกและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งหอการค้าอิตาลียินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามาสนับสนุนไทยในส่วนนี้ โดยสภาหอการค้าฯ เชื่อว่า การลงนาม MOU ในครั้งนี้ จะนำมาสู่การยกระดับผู้ประกอบการและสินค้าไทยให้เป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
ด้านประธานหอการค้าอิตาลี กล่าวว่า การ MOU ระหว่างหอการค้าอิตาลีและไทย เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ และอำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างองค์กรด้วย โดยในแง่ขนาดเศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสามารถรองรับตลาดที่มีประชากรเกือบ 700 ล้านคน และยังเป็นเส้นทางในการเข้าถึงประเทศเศรษฐกิจอื่น ๆ ในเอเชียได้อย่างสะดวก โดยประเทศไทยมีประชากร 72 ล้านคนและมีอัตราการเติบโตของ GDP สูง คาดการณ์ GDP ไทยจะขยายตัว 2.8% ในปี 2567 และขยายตัว 3.5% ในปี 2568
โดยในปี 2566 มูลค่าการค้า ระหว่างไทยและอิตาลี มีมากกว่า 4,000 ล้านยูโร แบ่งเป็นการส่งออก 1.9 พันล้านยูโร และการนำเข้า 2.1 พันล้านยูโร โดยไทยส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น เครื่องจักร สิ่งทอและเสื้อผ้า คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยทางเศรษฐกิจของประเทศอิตาลีนั้น มีสัดส่วนจาก SMEs มาก และทางหอการค้าอิตาลี มีประสบการณ์ที่พร้อมจะช่วยหอการค้าไทย ในการยกระดับ SMEs ในประเทศไทยได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews