“ณัฐวุฒิ” ยันจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถูกตัดสิทธิ์การเมืองแต่ขอยืนบนเส้นทางประชาธิปไตย ไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางสายนี้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. ) แถลงข่าวภายหลังจากการได้รับอิสรภาพจากคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ถึงที่สุดแล้ว ว่า การต่อสู้ทางการเมืองของตนขณะนี้ยังมีอีกหลายคดี ก็เป็นหน้าที่ที่ตนต้องสู้ต่อไป สถานะของตนเวลานี้จึงเป็นสถานะของผู้ถูกจำคุก จากคำพิพากษาของศาลฎีกา และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แต่ในฐานะประชาชน ที่ยืนอยู่บนเส้นทางประชาธิปไตย ยังคงยืนยันในจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เคยประกาศไว้ว่าอย่างไรก็ยืนยันเช่นนั้นจนถึงปัจจุบันและอนาคต ตนไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางสายนี้ แม้จะมีคดีความมากมาย มีความเจ็บปวดแต่รับได้ ภาระหนักก็ไม่หวั่นไหว อันตรายใดที่ต้องเผชิญและอาจจะต้องเผชิญอีก ตนไม่ท้าทายแต่ไม่หวาดกลัว สิ่งที่ตนยืนยันเป็นแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ภายใต้หลักการว่าคนเท่าเทียมกัน และประเทศเป็นของประชาชน จึงไม่จำเป็นต้องทำร้ายใครให้แตกหัก เพราะประเทศจะเดินหน้าไปได้ก็ด้วยคนที่อยู่ภายใต้ความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลง
ไม่มีขบวนการต่อสู้ไหนสมบูรณ์แบบในโลกของการต่อสู้ไม่มีอะไรสวยงาม กับคนทุกฝ่าย ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์จากการต่อสู้ของตนและคนร่วมอุดมการณ์ ขอมอบเกียรติยศให้ผู้ร่วมอุดมการณ์ หากมีสิ่งใดที่สังคมเห็นว่าผิดพลาดเสียหาย ความไม่พอใจความไม่เข้าใจ ความชิงชัง ตนขอน้อมรับสิ่งนั้นไว้เอง แต่ตนไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้ใครเกิดความเสียหาย ไม่มีเจตนาทำลายบ้านเมืองให้และทรัพย์สินของใคร
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา ว่า ในนามความเป็นมนุษย์จะยืนเคียงข้างการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ แต่ปฏิเสธความเกี่ยวเนื่องกับการพาดพิงถึงสถาบันฯ โดยยืนยันจะยังไม่ไปร่วมหรือเป็นแกนนำร่วมในเวทีชุมนุมของนักศึกษาในตอนนี้ แต่หากในอนาคตมีความจำเป็นก็พร้อมพิจารณา
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้มีการปล่อยเยาวชนที่ถูกคุมขังดำเนินคดี และให้มาร่วมกันแก้ปัญหาด้วยความปรารถนาดีต่อกันอย่างแท้จริง และกล่าวว่าไม่เชื่อใครจะไปควบคุมจูงใจกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวชุมนุม ก่อนจะระบุว่าตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดประชุมใหญ่ของ นปช.
สำหรับชุมนุมวันที่ 4 เมษายนของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นั้น ยังไม่ได้หารือการชุมนุมอย่างเป็นทางการ การเคลื่อนไหวของนายจตุพรนั้นส่วนตัวทราบเรื่องจากสื่อมวลชน แต่เห็นว่าการเคลื่อนไหวก็ล้วนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ และเปิดเผยว่านายจตุพรจะไปทำงานกับพรรคเพื่อชาติ