“ดิเรกฤทธิ์” พอใจผลศาล รธน. คาดการณ์ไว้แล้ว คำร้องมีน้ำหนักเพียงพอ ไม่ติดใจ ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา หนึ่งในผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้อง 5/4 โดยไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนไม่รู้สึกอะไร เพราะคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ว่า คำร้องมีน้ำหนักเพียงพอ ทั้งคำร้องนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่นายพิชิต ดันลาออกไปก่อน ทำให้ไม่มีเหตุที่จะต้องสั่งให้พ้นจากหน้าที่
แต่ในส่วนของนายกรัฐมนตรี ตนต้องการให้พิสูจน์ตัวเองต่อศาล ว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต รอบคอบ และไม่มีผู้อื่นเข้ามาแทรกแซง หรือไม่ทำผิดกฎหมายหรือจริยธรรม
ทั้งนี้ การที่ศาลรับ แสดงว่าเข้าองค์ประกอบ ส่วนการไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ถือเป็นดุลยพินิจของศาล ตนก็เข้าใจ เพราะยังไม่ชัดเจน นายกรัฐมนตรี อาจจะบริสุทธิ์ก็ได้ หากสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน แล้วปรากฏว่า “ไม่ผิด” ก็จะเกิดความเสียหายในการทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
ส่วนตัวก็รับทราบ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจ อยากให้พี่น้องประชาชนได้เห็นว่าเป็นกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ จะได้ทำให้ประเทศเราอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะฉะนั้น สว. ที่ทำหน้าที่ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนที่ศาลมีมติ ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 5/4 จะถือว่าไม่สง่างามหรือไม่นั้น นายดิเรกฤทธิ์ คิดว่าเป็นเรื่องปกติของการพิจารณา เป็นองค์คณะ เรื่องนี้จำเป็นต้องถามความเห็นอย่างรอบคอบ จากตุลาการทั้ง 9 คน เรื่องนี้เรียกง่ายๆ ว่า เป็นคดีเล็กในคดีใหญ่ การรับเรื่องไปแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ใช้เวลาไม่นาน เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย รวมถึงเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง จนสิ้นสงสัย พร้อมย้ำว่า ไม่มีอะไรเสียเปล่า ในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
นายดิเรกฤทธิ์ ย้ำว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่พุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี เพราะไม่ได้คิดถึงตัวบุคคล ในอนาคตจะเป็นใครก็ตาม หากมีพฤติกรรมขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ต้องให้โอกาสชี้แจงให้กระจ่าง แต่มันจะเป็นประโยชน์กับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะได้สง่างาม นำประเทศได้รับคำชื่นชม ประชาชนจะได้ยอมรับกับนายกรัฐมนตรีของเรา จะได้กอดได้ชื่นใจ ชื่นใจเต็มแขน ไม่ได้เป็นเรื่องมุ่งหมายตัวบุคคล เพราะไม่ได้มีผลประโยชน์เชิงส่วนตัวของผู้ที่ยื่นทั้ง 40 สว.
ขณะที่ตนลาออกจาก กมธ.พัฒนาการเมือง สว. นายดิเรกฤทธิ์ ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับใคร เป็นเรื่องเล็ก ตนเป็นหลายกรรมาธิการแล้ว ทำงานตรงไหนสนุก ก็ทำ ตรงไหน ที่เพื่อนร่วมงานคุยกันรู้เรื่องเราก็ไปกันได้ กมธ.พัฒนาการเมือง ก็เป็นเรื่องของการเมือง ถ้ามีวิธีคิดในการพัฒนาการเมืองไม่ตรงกัน ทัศนตติในการมองประเทศไม่ตรงกัน ก็ไปด้วยกันไม่ได้ พร้อมยอมรับ ตนก็น้อยใจนิด ๆ ที่บางคนไปออกสื่อ กล่าวหาต่อว่า ตำหนิเรา ไม่เคารพกัน ก็รู้สึกไม่ดี ตนก็ตำหนิไปในที่ประชุม ท่านก็บอกว่าทำถูกแล้ว จุดยืนเห็นว่าไม่ตรงกัน ก็ไม่เป็นไร ตนก็ย้ายไปทำงานที่อื่นได้ มีความเป็น สว.อย่างเต็มตัว ที่จะทำงานให้เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน รับเงินเดือนทุกวัน ทำงานทุกวัน ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก
ขณะเดียวกัน นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องว่าลายเซ็น 40 สว. ที่ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายกรัฐมนตรีเป็นลายเซ็นปลอม ว่า ตนไม่เข้าใจว่า ประเด็นนี้ไปร้องได้อย่างไร เพราะมันเป็นการทำงานของสภาฯ มันปลอมลายเซ็นไม่ได้ โดยขั้นตอนนั้น สว.จะลงชื่อ และมีสำนักทะเบียนประวัติเทียบตัวอย่างลายเซ็นของ สว.แต่ละคน ก่อนจะเสนอให้ประธานรัฐสภา ซึ่งประธานเป็นคนลงนามไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ท่านต้องรอบคอบอยู่แล้ว และศาลรัฐธรรมนูญก็รับคำร้องแล้วเข้าเงื่อนไข ดังนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
จึงไม่มั่นใจว่าคนร้องมีสติปัญญาแค่ไหน ที่หยิบเรื่องนี้มาร้อง แต่ไม่เป็นไร ร้องมาก็ดี จะได้ตรวจสอบ เราพร้อมรับกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว ขอฝากไปถึงผู้ร้อง เมื่อตรวจสอบแล้วถูกต้องท่านก็ควรรับโทษเหมือนกัน ต้องโดนฟ้องกลับเหมือนกัน เพราะการกลั่นแกล้งแบบนี้ จะต้องได้รับโทษหนักทางอาญา คุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ”
นายดิเรกฤทธิ์ ระบุว่า ตนไม่แน่ใจว่า ไปรับคำแนะนำจากใคร ไม่เข้าใจการทำงานขององค์กรนิติบัญญัติของชาติเลยหรืออย่างไร ตนคิดว่าเดี๋ยวจะได้ฟ้องกลับ และเรียกมาไต่สวน ตัวท่านมีความรู้ความเข้าใจแค่ไหนอย่างไร มีเจตนาบริสุทธิ์อย่างไร ถ้าท่านชี้ไม่ได้หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง มาคนสั่งการ ตนคิดว่าต้องเป็นตัวการร่วมหมด ก็ขอขอบคุณที่ฟ้องมา เพราะเราพร้อมทุกอย่าง การทำงานที่บริสุทธิ์จริงใจ ทนทานต่อการตรวจสอบอยู่แล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews