พาณิชย์ เคาะ ยกระดับควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ผ่านมาตรการอนุญาต เน้นอำนวยความสะดวกทางการค้าควบคู่ความมั่นคง ช่วยสร้างความมั่นใจนักลงทุน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครั้งที่ 1/2567 เพื่อพิจารณายกระดับมาตรการควบคุมสินค้า DUI ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางพาณิชย์และทางทหาร เช่น เชื้อไวรัสบางชนิดที่นำมาใช้ผลิตวัคซีนทางการแพทย์สามารถนำไปดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพได้ เป็นต้น โดยปัจจุบัน ไทยมีพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2562 ซึ่งให้อำนาจในการพิจารณากำหนดมาตรการควบคุม DUI อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีมาตรการ Licensing ประกอบกับ การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นทำให้สินค้าถูกพัฒนาเป็น DUI ได้ และอาจถูกใช้ในการก่อการร้ายหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลก ไทยจึงมีความจำเป็นที่ต้องยกระดับมาตรการให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้สินค้า DUI เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต โดยในเบื้องต้นจะควบคุมการส่งออกและการส่งกลับสินค้า DUI ในกลุ่มวัสดุ เครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์นิวเคลียร์ ก่อนที่จะขยายขอบเขตควบคุมสินค้าอื่น ๆ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้กรมศุลกากร (กศก.) และ คต. ร่วมกันกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรและรหัสสถิติสำหรับสินค้า DUI เพื่อให้ คต. สามารถเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับระบบ National Single Window (NSW) ของ กศก. ได้ โดยประธานฯ ได้เน้นย้ำว่ากระบวนการออกใบอนุญาตสินค้า DUI ของ คต. จะต้องกำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาที่ชัดเจนและรวดเร็วเพื่อไม่สร้างภาระแก่ผู้ประกอบการจนเกินความจำเป็น
ด้านนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีมาตรการ Licensing ไม่เพียงแต่จะเป็นการแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่าไทยปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCR ที่ 1540) เท่านั้น แต่ยังผลักดันให้ไทยเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าในเวทีโลกในระยะยาวเพราะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าสำคัญว่าไทยจะไม่ใช่แหล่งเผยแพร่สินค้า DUI เพื่อนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก รวมถึงจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสให้กลุ่ม SMEs เข้ามาอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีระดับสูงอีกด้วย
สำหรับขั้นตอนต่อไปกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และ กศก. เพื่อนำแนวทางการกำหนดมาตรการอนุญาตดังกล่าวไปจัดทำอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องพร้อมพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์รองรับการขออนุญาต โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการร่วมปกป้องความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมฯ (www.dft.go.th)
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews