“ธวัชชัย”รองโฆษก ก.พ.ค.ตร.ชี้แจงขั้นตอนและความคืบหน้าการรับอุทรณ์คำสั่งให้ออกราชการ “บิ๊กโจ๊ก”ชี้ ยังอยู่ระหว่างรอคำแก้อุทรณ์จากคู่กรณี
นายธวัชชัย ไทยเขียว กรรมการ ก.พ.ค.ตร. ในฐานะ รองโฆษก ก.พ.ค.ตร. โพสต์ข้อความลงใน Facebook ชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาสำนวนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองทั่วไป ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่ง ก.พ.ค.ตร.ได้มีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว ก.พ.ค.ตร.ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร.ซึ่งเป็นคู่กรณีทำคำแก้อุทธรณ์ชี้แจงภายใน 30 วัน และพิจารณาชี้แจงทำความเห็นกรณีขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวภายใน 7 วัน
หากกรรมการ ก.พ.ค.ตร.เห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรมอาจมีคำสั่งเรียกทั้งพยานบุคคลมาไต่สวนและเรียกพยานเอกสารเพิ่มเติม ขณะเดียวกันคู่กรณีอาจยื่นขอขยายระยะเวลาการทำคำแก้อุทธรณ์เข้ามาพร้อมเหตุผล ซึ่งกรรมการเจ้าของสำนวนอาจอนุญาตให้หรือไม่ให้ตามระยะเวลาที่ขอขยายก็ได้ พยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดต้องแจ้งให้คู่ความทุกฝ่ายทราบเสมอกันทั้งหมด
หลังได้รับคำแก้อุทธรณ์แล้ว กรรมการเจ้าของสำนวนจะมีคำสั่งให้ส่งไปให้ผู้อุทธรณ์ทราบและทำความเห็นแย้ง ซึ่งถ้ามีความเห็นแย้งก็ให้ส่งสำเนาความเห็นแย้งดังกล่าวไปให้คู่กรณีทราบด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ข้อเท็จจริงเพียงพอ กรรมการเจ้าของสำนวนก็จะมีคำสั่งแจ้งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10วัน ระหว่างนี้คู่ความยังส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ แต่หลังวันพ้นกำหนดแล้วจะไม่รับไว้พิจารณา ช่วงนี้ กรรมการเจ้าของสำนวนจะสรุปความเห็นกระบวนการพิจารณา พร้อมร่างคำวินิจฉัย และทำบันทึกขอวันกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยจากประธานฯ พร้อมแจ้งให้คู่กรณีทราบวันดังกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยในวันพิจารณาวินิจฉัยคู่ความสามารถยื่นแถลงเป็นเอกสารหรือแถลงด้วยวาจาเพิ่มเติมอีกก็ได้
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. จะออกมาได้ 4 ทาง คือ 1.ไม่รับอุทธรณ์ ด้วยเรื่องอุทธรณ์ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ ก.พ.ค.ตร. จะรับไว้พิจารณาได้ แต่กรณีคำร้องอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว
2.ยกอุทธรณ์ ด้วยคำสั่งทางปกครองที่นำมาอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น 3.ให้แก้ไข เพราะคำสั่งที่นำมาอุทธรณ์นั้นไม่ถูกต้องบางส่วน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงวินิจฉัยให้แก้ไขในส่วนที่ไม่ถูกต้อง
และ 4.ยกเลิกคำสั่งลงโทษ และอาจมีคำสั่งให้เยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้อุทธรณ์ด้วยก็ได้ รวมทั้งเร่งรัดติดตามการเยียวยา หรือให้ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่จะมีคำวินิจฉัยให้เพิ่มโทษไม่ได้ เนื่องมาจากคำสั่งที่นำมาอุทธรณ์นั้น เป็นคำสั่งที่ออกโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฏหมาย อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์นั้นฟังขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกเลิกคำสั่ง ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับให้เพิกถอนคำสั่ง
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. ให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.ผู้บังคับบัญชาผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
สำหรับ ระยะเวลาพิจารณาวินิจฉัย หากไม่แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ก็ให้ขยายได้อีก 2ครั้งๆละ ไม่เกิน 30 วัน หรือรวมแล้วไม่เกิน 240 วัน ซึ่งปกติถ้าคู่กรณีไม่ขอขยายระยะเวลาทำคำแก้อุทธรณ์ และผู้อุทธรณ์ไม่มีประเด็นความเห็นแย้งในสาระสำคัญในคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าว การพิจารณาวินิจฉัยก็จะใช้เวลาไม่เกินกว่ากรอบแรกตามที่กฎหมายกำหนด คือ 120 วัน
เพราะเป็นสำนวนคดีดังกล่าวไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากนัก ฉะนั้น ขณะนี้เหตุจะช้าหรือเร็วจึงขึ้นอยู่กับว่า คู่กรณีได้ขอขยายเวลาทำคำแก้อุทธรณ์ หรือผู้อุทธรณ์มีความเห็นแย้งในสาระสำคัญดังกล่าวหรือไม่เท่านั้น ย้ำว่ากรรมการทุกท่านยังยืนตัวตรงให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews