Home
|
ข่าว

“สมชาย”แจงที่มา “โพยก๊วนฮั้วเลือก สว.”

Featured Image

 

 

 

“สมชาย”แจงที่มา “โพยก๊วนฮั้วเลือก สว.” ยันมาจากแหล่งข้อมูลดิบ ต้องตรวจสอบต่อ ชี้ 149 คน เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาขบวนการทั้งหมด

 

 

นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการสิทธิ มนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล “โพยก๊วนฮั้วเลือก สว.” และมีรายชื่อระดับประเทศออกมา 149 คนว่า โพยที่เกิดขึ้นมาจากแหล่งข้อมูลดิบ ที่ตนคิดว่า ทำหน้าที่ตรวจสอบการเลือก สว. เพื่ออยากให้ได้ สว. ที่เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพ ทั้ง 20 กลุ่มด้วยความซื่อสัตย์เที่ยงธรรม และสุจริต ตามที่ กกต. ต้องการมาแทน สว. ชุดตนจะได้หมดห่วง และเป็นรูปแบบใหม่ของสว. ที่เลือกกันเอง ซึ่งตนได้ข้อมูลติดตามและจะนำเข้าหารือในที่ประชุมกรรมาธิการวันนี้ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการติดตาม ให้ได้สว.ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ใช่มาจากการฮั้ว

 

ประเด็นเรื่องโพยนี้ได้ถูกส่งไปตามกลุ่มต่างๆ ทั้งที่ตน ในโซเชียลรวมถึงกลุ่มสื่อมวลชน เป็นประเด็นต่อเนื่องที่มีการร้องกันตั้งแต่จังหวัดสมุทรสาคร ที่ต่างอาชีพกำหนดกลุ่มผิด เช่นกลุ่มทำนาเกลือแต่ไปอยู่ในกลุ่มทำนาข้าว ว่า คนเหล่านั้นมีประสบการณ์ 10 ปีจริงหรือไม่ และยังมีอาชีพอื่นเช่น เด็กปั๊ม มาสมัครตัวแทนด้านพลังงาน หรือ อสม. ที่อบรม 12 ชั่วโมง แต่มาสมัครกลุ่มแพทย์ ที่ใช้เวลาเรียนถึง 6 ปี ซึ่งหากได้รับเลือกเข้ามา จะทำหน้าที่ต่างจากอาชีพจริงหรือไม่ และตนยังได้รับรายงานจากบางพื้นที่ว่า มีการสมัครในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำ

 

โดยใช้คุณสมบัติว่าเป็นกรรมการบริหารน้ำหมู่บ้าน ซึ่งทำให้มีการยกตัวอย่างว่าถ้าเป็นเช่นนี้ รปภ. ที่ประจำอยู่ที่ศาล สามารถสมัคร เป็นตัวแทนในกลุ่มนักกฎหมายได้หรือไม่ ตนจริงต้องออกมาทักว่ากติกาเหล่านี้ เกิดจากรัฐธรรมนูญด้วยการเลือก สว. ที่เพิ่งตรวจเจอ ว่า มีมาตราที่เป็นปัญหา ที่ทำให้ สามารถจัดคนมาลง เกิดการฮั้วและบล็อกโหวตได้ คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก สว. มาตรา 40 41 และ 42 (3) ที่ เขียนบอกให้ผู้เลือกในระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ เลือกตนเองก็ได้ นั่นหมายความว่า ไม่เลือกก็ได้ ซึ่งเป็นการ เปิดช่องให้คนที่รับจ้างเข้ามาสามารถเลือกคนอื่นได้หมด ถือเป็นการผิดเจตนารมณ์ ที่ไม่ได้เปิดให้สมัครมาเป็นผู้โหวต แต่ให้สมัครมาเป็น สว. และการที่มารณรงค์บอกว่าผู้มาสมัครกว่า 48,000 คน น้อยไป

 

ตนคิดว่าเป็นการขัดเจตนารมณ์ เพราะจะเท่ากับเป็นการเกณฑ์คนมาเลือก และก่อนหน้านี้ยังมีการรณรงค์ 1 ครอบครัว 1 คนส่งมา ยอมสละคนละ 2,500 บาท เพื่อมาเป็นผู้โหวต สว. ซึ่งไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราไหน เขียนให้มาเป็นผู้ สว. และส่วนตัวเคยทักท้วงหลายเดือนแล้ว แต่ กกต. ไม่เคยหยุด ออกมายับยั้ง จนทำให้มีผู้สมัคร สว.บางคนบอกว่า ยอมจ่ายเงิน เพื่อต้องการมาเลือก สว. ที่ดี

 

นายสมชาย เห็นว่า การกำหนดกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่วางไว้ดีแล้วแต่เห็นความผิดเพี้ยน ในรายละเอียดของคุณสมบัติ ที่ตนได้รับข้อมูลมาค่อนข้างมาก เช่น มีผู้สมัครเป็นผู้นำกลุ่มสตรี อย่างน้อย 2 กลุ่ม อยู่คนละจังหวัดแต่งกายเหมือนกัน ภาพถ่ายร้านเดียวกัน แล้วยังมีกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงไก่ ที่พบว่าไปถ่ายรูปจากร้านเดียวกัน แต่อยู่คนละพื้นที่ ซึ่งหากกกตไปตรวจสอบอาจเจอข้อพิรุธในลักษณะนี้ ที่มีคนส่งมาให้ตนนับพันเรื่อง ดังนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่กกต.ระดับอำเภอจะต้องคัดกรอง ไม่ควรปล่อยให้สมัครเข้ามา เพราะการที่ผู้สมัครรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติ แล้วโกหกรับจ้างเข้ามา ลงสมัครมีโทษ จำคุก 1-10 ปีปรับ 20,000-200,000 บาท และตัดสิทธิ์การเลือกตั้งตลอด 20 ปี รวมถึงผู้ให้การรับรองคุณสมบัติ

 

ขณะเดียวกัน นายสมชาย ยังกล่าว ว่า ขณะนี้พบ ข้อมูลว่ามีผู้สมัครบางส่วน รับรองกันเอง โดยมีภาพของการขนคนทั้งหมู่บ้าน โดยฝ่ายที่มีผลประโยชน์ จะมาฮั้วมาบล็อกโหวต ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะ กฎหมายมีการเปิดช่องให้ทำได้ และถ้าพฤติกรรมเหล่านี้ผ่านการเลือกระดับอำเภอมาสู่ระดับจังหวัด แล้วจะมีช่องสู่ระดับประเทศ เพราะไม่จำเป็นต้องเลือกตัวเองก็ได้ ซึ่งในจังหวัดที่พบว่ามีข้อพิรุธ คือ สมุทรสาคร เพชรบุรี สระบุรี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สตูล สงขลา ซึ่งมีการร้องเรียนแต่ยังไม่เห็น ปฏิกิริยา กกต. ว่ามีการตรวจสอบ

 

ส่วนที่เลขาธิการ กกต. ระบุว่า ต้องตรวจสอบว่า หากใครไม่ได้เลือกตัวเอง ถือว่าเข้าข่ายฮั้วนายสมชายกล่าวว่า จะตรวจสอบได้อย่างไรเพราะเป็นการลงคะแนนรับ อยากรู้ก็แสดงว่าไม่ลับ และถือว่าผิดกฎหมายเพราะไปเปิดเผยผลการลงคะแนน และกฎหมายยังเปิดช่อง ให้เลือกคนอื่นได้ด้วย

 

ทั้งนี้ โดยสรุป 149 คน เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาขบวนการทั้งหมด ตนไม่เคยระบุและไม่เคยสนใจชื่อ บุคคลเหล่านั้น และไม่ตรวจด้วยว่าท่านเป็นใคร ข้อมูลนั้นจะตรงหรือไม่ตรง จะเป็นการเช็คทางสถิติ หรือเป็นการฮั้วหรือไม่ ตนขอตั้งคำถามให้ กกต. ได้ตอบว่าท่านตรวจสอบแล้วหรือยัง ว่ามันมีข้อบกพร่อง ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. หรือระเบียบของ กกต. หรือมีการจัด ฮั้วหรือบล็อคโหวตจริงหรือไม่ และฝากสื่อมวลชนทำหน้าที่แทนประชาชนตรวจสอบการเลือกสว.ครั้งนี้ และขอให้กกตทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ละเอียด เชื่อว่าหาข่าวได้อยู่แล้ว ”

 

นายสมชาย กล่าวว่า นอกเหนือจากประเด็น 149 คน ที่ต้องไปตรวจสอบ ยังมีประเด็น เรื่องที่นักวิชาการได้คำนวณ สถิติ สัดส่วน การลงสมัคร ว่า 53% จากจำนวนผู้สมัคร กว่า 48,000 คน หรือจำนวน ประมาณ 25,000 คน มาจากการรับจ้างลงสมัคร ซึ่งหากพบว่าเป็นเช่นนั้นจริงจะเข้าข่ายความผิด มีโทษถึงจำคุก ซึ่งมีข้อมูลที่ชัดเจนแล้วว่ามีหนุ่มนครศรีธรรมราชคนหนึ่งรับสารภาพ กับกกต.ในพื้นที่ ซึ่งทางกฎหมาย สามารถกันเป็นพยานได้ แล้วต้องขอต่อไปโดยใช้อำนาจมาตรา 77 ใช้ความผิดมูลฐานวงเล็บ 1 ในเรื่องการให้จัดให้ให้ทรัพย์สิน หรือจ้างและสาวถึงตัวบงการ เพราะสารภาพว่าถูกการเมืองท้องถิ่นให้ไปสมัคร ซึ่งใช้พ.ร.บ.ฟอกเงินได้ โดยส่งเรื่องให้เลขา ป.ป.ง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ถ้าพบว่าผิดต้องดำเนินการ และ กกต. ควรทำหน้าที่ ให้ครบถ้วนอย่าเร่งให้มีสวเพียงอย่างเดียว แล้วมาเกิดปัญหาในภายหลัง

 

ส่วนที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.มองว่าอาจมีการล้มกระดาน ในการเลือก สว. ครั้งนี้ นายสมชาย ย้อนว่า “เรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของผม” พร้อมระบุส่วนตัวเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า การที่ ตรวจสอบจะทำให้การเลือก สว. เป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ล้ม แต่ถ้าปล่อยไป ให้การเลือกไปถึงขั้นสุดท้ายระดับประเทศ ตนไม่ทราบว่าใครได้รับประโยชน์ เพราะความผิดจะสำเร็จไปเรื่อยๆ และมีผู้ร่วม กระทำผิดสองหมื่นกว่าคน ต่างกรรมต่างวาระ เพราะรับจ้างตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน เวลารับโทษ ก็ต้องนับโทษ ตามกรรมตามวาระ หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดปัญหาชาวบ้านเป็นเหยื่อการเมือง ดังนั้นจึงฝากไปยังพี่น้องประชาชน ใครที่ไปรับจ้าง มาลงสมัคร เพื่อเลือกสว. คิดว่าเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ติดคุกแน่นอน

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube