“หมอธวัชชัย” อย่ามองกัญชา เป็นการเมือง ! มั่นใจมาถูกทาง ค้านกลับเป็นยาเสพติด ชี้ เป็นสิทธิ์ประชาชนใช้พึ่งพาตนเอง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นต่างชาติ ชงใช้ พ.ร.บ.ควบคุม
รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม ประธานหลักสูตรกัญชาเวชศาสตร์และสมุนไพรทางการแพทย์ วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และอดีตอธิบดีกรมการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ความเห็นเรื่องความพยายามนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ว่า เรื่องการแพทย์น่าจะไปต่อได้ แต่การเข้าถึงบริการไปจนถึงการให้บริการมีปัญหาแน่นอน ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ มีความวุ่นวาย ทำให้คนที่จะมาบริการไปจนถึงรับบริการน้อยลง ที่ต้องการเห็นคือประชาชนสามารถใช้กัญชา
เป็นส่วนหนึ่งในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพ เป็นสิทธิ์ของประชาชนในการรักษาแบบประคับประคอง ต่อมาความเชื่อมั่นในเรื่องการลงทุนก็จะเสียไป ต่างชาติจะมองว่าเราเป็นประเทศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่น่าลงทุน ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบ การที่เราจะเป็นผู้นำด้านกัญชาจะเสียไปทันที เราเริ่มต้นเรื่องนี้มา 6 ปี และเราจะให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ
เรารู้จักกัญชามากขึ้น ภูมิปัญญาที่ก้าวหน้าก็จะหยุดลง เรื่องเศรษฐกิจ คนที่ลงทุนจะไปต่ออย่างไร ต้องล้มละลายหรือไม่ ไหนจะคนตกงาน ถ้าเอากลับเป็นยาเสพติด จะมีคนทำผิดจำนวนมาก กัญชาจะกลับไปอยู่ใต้ดิน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าเอากลับไปเป็นยาเสพติดแล้วมันจะจบเลย มันมีเรื่องมากมายให้ต้องตามแก้ พรรคที่เอากลับไปเป็นยาเสพติดจะเสียคะแนน ส่วนกลุ่มนักลงทุน น่าจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น
รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า ขอให้มองกัญชาเป็นสมุนไพร อย่าไปมองเป็นยาเสพติด มีประโยชน์ต้องใช้ มีโทษต้องคุม กัญชาช่วยคลายเครียด ช่วยให้นอนหลับ แก้ปวด ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายดีขึ้น นี่คือทางเลือกของประชาชน ส่วนตัวเคยเจอผู้ที่ป่วยหนัก รักษาด้วยแพทย์สมัยใหม่แล้วไม่หาย หมอให้กลับไปรอวาระสุดท้ายอยู่บ้าน
มาหาตนๆ ใช้กัญชาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษา ก็ช่วยลดความทรมานของผู้ป่วย แล้วกัญชาช่วยในการเลิกยาเสพติด หลายชนิดช่วยในการเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ แก้ฤทธิ์ยาบ้า ในประเทศไทยคนที่ใช้กัญชามากที่สุดคือคนวัยทำงาน ไม่ใช่วัยรุ่น ที่มีอาการเจ็บป่วยร่วม
ส่วนเด็กใช้กัญชาแล้วสมองเสื่อม เป็นเพราะเด็กใช้กัญชาอย่างเดียวหรือใช้ผสม หรือเสื่อมมาก่อน จากข้อมูลกัญชาคือปลายทางแล้ว สถิติชัดเจน เด็กเข้าถึงกัญชามันเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเข้าถึงง่าย แล้วอะไรทำให้เข้าถึงง่าย จะมีการออกพระราชบัญญัติ แล้วทำไมออกไม่ได้
รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กล่าวต่อว่า ถ้าเอากัญชากลับเป็นยาเสพติด ผมไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ที่ผ่านมารัฐบาลทำมาดีแล้ว ขั้นตอนถูกต้อง มีความพยายามจะออกกฎหมายมาควบคุม พร้อมกับส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ถ้าเอากลับไปเป็นยาเสพติดทุกอย่างคือจบ ใครแตะต้องกัญชาเท่ากับผิดกฎหมายหมด จะไปดูแลตัวเองก็ไม่ได้ จริงๆ เราควรให้สังคมเรียนรู้ที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์ และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโทษของกัญชา ต่างประเทศ ศึกษาวิจัยเรื่องกัญชาไปไกลมาก เขามองเห็นโอกาส แต่เรากำลังจะปิดหู ปิดตาประชาชน แล้วเราก็จะล้าหลัง นี่คือจุดที่เราต้องเดินนำบ้างแล้ว
“ผมเชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุข มีข้อมูลเรื่องกัญชามากพอ การเอาออกมาจากความเป็นยาเสพติด ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้อมูลต้องแข็งมาก การคลายล็อกกัญชา มันไม่ได้เริ่มจากการเมือง มันมาจากยุคหมอปิยะสกล( ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร) สมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรี ท่านตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 5 ชุด เพื่อศึกษา และท่านเห็นว่าทั่วโลกไปไกล เราต้องตามให้ทัน จึงสนับสนุนทางกระทรวง ให้เข้ามาดูเรื่องกัญชาอย่างจริงจัง แล้วพอรัฐมนตรีอนุทินเข้ามา ท่านมาต่อยอด ให้มันเปิดกว้างมากขึ้น ต่อมามีการจะออกพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง แล้วก็มีการเล่นการเมืองกัน คนที่เสียประโยชน์คือประชาชน” รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กล่าว
นอกจากนั้น รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย ยังมีข้อเสนอแนะ 3 ข้อ ดังนี้ 1.ไม่นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด 2.เสนอให้ “กัญชา” นั้นควรอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ที่กำลังนำเสนอสู่สภา เทียบเท่าพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทนที่จะนำกลับมาเป็น ยาเสพติด เพื่อความเป็นธรรมในสังคม 3.เสนอให้ความรู้แพทย์และประชาชนและเกิดวิชาชีพใหม่ ตัวอย่างเช่น กัญชาเวชศาสตร์ ที่จะดูแล ใช้กัญชาตามกฎหมายและองค์ความรู้ที่ถูกต้อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews