“สรรเพชญ” สส.ปชป. จี้ รัฐบาลกำชับหน่วยงานเร่งรัดรัฐเบิกจ่ายงบ ปี 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ถึงกลุ่มรากหญ้า ชี้ เหลืออีก 4 เดือน ใช้ไปแค่ 50.6%
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยสำนักข่าว INN ว่า การดำเนินการของงบประมาณประจำปี 2567 ที่อยู่ระหว่างการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 3.48 ล้านล้านบาท แต่งบประมาณดังกล่าวเข้าสู่ระบบงบประมาณช้ากว่ากำหนด
เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ช้าทำให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ ต้องใช้งบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน ส่งผลให้บรรดาหน่วยงานราชการที่ต้องดำเนินการเรื่องการลงทุนใหม่ ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ภายใต้การลงทุนภาครัฐต้องสะดุดลง ส่งผลโดยตรงไปยังภาคประชาชนและภาคเอกชน ที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับภาครัฐได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
โดยจะเห็นได้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ได้รับผลกระทบมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมาจนถึงวันนี้เหลือเวลาเพียง 4 เดือน สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณ และงบประมาณปี 2568 ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ช่วงวันที่ 19-21 มิถุนายน 2567 แต่สำนักงบประมาณก็สามารถจัดสรรงบประมาณ 2567 ได้ถึง 3.457 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 99.37% และเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว ประมาณ 50.6%
ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ภายใต้งบประมาณที่ล่าช้ากว่ากำหนด เมื่อครั้งตอนพิจารณางบประมาณ ก็หวังว่า รัฐบาลจะเข้าใจในเรื่องของการเร่งรัดการเบิกจ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า แต่มาวันนี้รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือนเศษ แต่รัฐบาลกลับเบิกจ่ายได้เพียง 50.6% แม้ว่า ครม. จะมีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการลดระยะเวลาการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง
แต่ยังผลการเบิกจ่ายยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เรื่องนี้เป็นที่น่ากังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัวอีก 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นถึง 102.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนขนาดใหญ่ของ กฟผ. ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลกลางกับรัฐวิสาหกิจที่มีการใช้จ่ายภาครัฐที่แตกต่างกัน
สำหรับสิ่งที่กังวล คือ ยิ่งรัฐบาลเบิกจ่ายช้าเท่าใด งบประมาณที่จะกระจายเข้าสู่ระบบก็จะช้าตามไปด้วย สุดท้ายแล้วปัญหาก็จะตกไปยังประชาชนที่ยังคงรอคอยการจ้างงาน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานก่อสร้างต่าง ๆ อีกทั้งยังส่งผลไปยังร้านค้ารายย่อยที่อยู่โดยรอบบริเวณพื้นที่ก่อสร้างก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งในทางกลับกัน หากรัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายมากกว่านี้และกระตุ้นการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้ทันช่วงเวลาก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และงบประมาณที่ตั้งไว้ก็จะไม่ถูกพับตกไป อันจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews