กกต.แจงยื่นยุบพรรคก้าวไกล อ้างผลคำตัดศินศาล รธน.31มค.67ผูกพันธ์กับกกต. ไม่อาจทำอย่างอื่นได้ จึงจำเป็นต้องยื่น
นายปกรณ์ มหรรณพ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวชี้แจงกรณีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้มีการสั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า อยากทำความเข้าใจถึงเหตุผลต่อการยื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับลงวันที่ 31 ม.ค.2567 ได้ระบุชัดเจนว่าการกระทำของผู้ถูกร้อง
เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำวินิจฉัยนี้ทำให้ กกต.ไม่อาจจะทำอย่างอื่นได้ เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 (1) (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ถือว่ากกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้แล้ว ถ้าขนาดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ใช่หลักฐานอันควรเชื่อถือได้ กกต.คงตอบกับสังคมยาก
นายปกรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้เหตุที่ต้องยื่น เพราะคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันธ์กับกกต.และมีผู้มาร้องเรียนในเรื่องนี้ กกต.จึงจำเป็นต้องยื่น ถ้ากกต.ไม่ยื่นคำร้องอาจจะมีความผิดตามกฎหมายได้ อีกทั้งการยื่นคำร้องในครั้งนี้เป็นไปตามตามมาตรา 92 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวน เพียงแต่ “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า”
นั่นจึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวน ซึ่งกกต.ปฏิบัติในลักษณะเดียวกันกับการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้มีคำวินิจฉันยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเมื่อกกต. “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า” ผู้ถูกร้องได้กระทำการอันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคของผู้ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา
นายปกรณ์ เผยว่า ตนทำความเข้าใจว่าการยื่นในครั้งนี้ยื่นตามมาตรา 92 ซึ่งระเบียบการไต่สวนของกกต.มี 2 ฉบับ ฉบับแรกใช้เป็นการทั่วไปตามระเบียบปี 2561 ใช้กับทุกกรณี หากพบว่าการเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและต้องทำ หรือมีการร้องเรียนเข้ามา แต่กรณีที่หลายฝ่ายกล่าวอ้างว่าไม่เปิดให้ผู้ถูกร้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และแสดงพยานหลักฐานนั้น การดำเนินการตามมาตรา 93 เป็นกรณีความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่ามีการกระทำ เมื่อมีการกระทำ
นายทะเบียนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ก่อนเสนอความเห็นต่อกกต. ซึ่งมาตรา 93 ออกระเบียบไม่เกี่ยวกับมาตรา 92 ซึ่งทั้งสองมาตรามีความแตกต่างกัน “มีคำถามมากว่าเห็นด้วยที่มีการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ กกต. มีการพูดคุยกันมาก และตอบได้อย่างเดียวว่า กกต.
ไม่สามารถตอบได้ กกต. เป็นผู้ปฏิบัติต้องเคารพตามกฎหมายและปฏิบัติตามกฏหมาย จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยไม่ได้แต่เมื่อใดมีผู้ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย และแก้กฎหมาย เช่น ไม่มีการบัญญัติกฎหมายเรื่องยุบพรรคการเมือง กกต. แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าครับ นี่คือสิ่งที่เราทำตามกฏหมายและปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง
บางครั้งอาจเข้าใจสับสนบ้าง แต่สิ่งที่เราอยากจะแถลงให้สื่อมวลชนพี่น้องประชาชนได้ทราบ ก็คือเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง ผลจะเป็นอย่างไร เราเคารพและรับฟังปฏิบัติตามดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญเต็มที่” นายปกรณ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลส่งคลิปที่ประธานกกต.ให้สัมภาษณ์ในทำนองยอมรับว่าการพิจารณาเรื่องยุบพรรคขัดต่อระเบียบและเป็นการข้ามขั้นตอน นายปกรณ์ กล่าวว่า สิ่งนี้จะต้องดูภาพรวมทั้งหมดของคำให้สัมภาษณ์ของแถลง ไม่ใช่ตัดเฉพาะบางส่วนออกมา ส่วนที่พรรคก้าวไกลกรณีของพรรคก้าวไกลไม่อาจเทียบได้กับกรณีของพรรคไทยรักษาชาติ นายปกรณ์ กล่าวว่า ประเด็นนี้อยู่ที่ศาลแล้วทางเราที่เป็นคู่กรณีไม่อาจแสดงความเห็นได้ เราเคารพศาลอย่างยิ่ง
เมื่อถามอีกว่าบัญชีพยานหลักฐานที่จะยื่นต่อศาลมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง นายปกรณ์ กล่าวว่าเราได้ทราบคร่าวๆแล้ว แต่กำลังรอหนังสือจากศาลฉบับเต็มว่าจะระบุอย่างไร แล้วเราจะรีบปฏิบัติตามคำสั่งศาลทันที่ ส่วนนายอิทธิพร บุญประคอง จะเป็นหนึ่งในรายชื่อพยานหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ส่วนที่พรรคก้าวไกลแย้งว่าต้องปฏิบัติตามมาตรา 93 นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น ย้ำว่าดำเนินการทั้งสองมาตราแตกต่างกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews