“พิเชษฐ์” ร่วมสัมมนาวิเคราะห์ร่างพรบ.งบฯ 68 ชี้งบกลางของนายกฯ ใช้ไม่หมดก็ตรวจสอบไม่ได้ ชี้ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเข้มแข็ง ตรวจสอบเข้มข้น
สำนักงานงบประมาณของรัฐสภา จัดสัมมนาวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 โดยมีเนื้อหามิติเศรษฐกิจมหาภาคและการคลัง การรักษาเสถียรภาพและความยั่งยืนทางการคลังมีเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถและความอิสระของฝ่ายนิติบัญญัติในกระบวนการงบประมาณ
โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวว่า คาดหวังจะรับทราบเสียงสะท้อนจากประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงการจัดทำงบประมาณต่อไป ทั้งงบกลางตามอำนาจของนายกรัฐมนตรีพิจารณาซึ่งฝ่ายนิติบัญญัตินั้น จะต้องตรวจสอบ อย่างเข้มข้น เพื่อให้การใช้งบแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใส ความคุ้มค่าและเป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ งบกลางของนายกรัฐมนตรีพอใช้ไม่หมด 1 ปี ไม่สามารถตรวจสอบได้ ที่ผ่านมารัฐบาลก็มีเทคนิคที่จะหลบเลี่ยงในการตรวจสอบต่างๆอันนี้ฝ่ายนิติบัญญัติจำเป็นจะต้องเข้มแข็ง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลฝั่งโน้นฝั่งนี้ไปรัฐบาลก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลตลอดชีวิตหรือเป็น 100 ปีผลัดเปลี่ยนกันไปแต่การตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องเข้มแข็ง” นายพิเชษฐ์กล่าว
นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้สภาฯ อยู่อย่างประหยัด อยู่อย่างเท่ห์ เราใช้เงินไม่หมด ก็คืนให้กับรัฐบาลทุกปี ปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท และไม่สามารถแปรญัตติเพิ่มงบประมาณให้กับตัวเองได้ เพราะกลัวขัดรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ สส.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพราะกลัวเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ตัวอย่าง งบในปี 68 เราได้งบฯทั้งสส. และ สว. มีสัดส่วน 0.2 % ของงบทั้งประเทศ และเมื่อเทียบกับกระทรวงยุติธรรมกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการที่ได้มาก สภาฯ ยังได้น้อยกว่าบางกรมของกระทรวงเหล่านี้ ดังนั้น เราจะขับเคลื่อนประชาธิปไตยได้อย่างไร
ขณะเดียวกัน สส.ที่เป็นกรรมาธิการงบก็ไม่กล้าแปรญัตติเพิ่มให้ ทั้งที่เราขอเพิ่มไป 800 ล้านบาท จึงขอฝากให้จัดงบฯปี 69 เพิ่มกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อให้ได้งบจาก 5,400 ล้านบาท เป็น 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้การที่เราไม่ได้เพิ่มงบจุดอ่อน คือสภาฯ ชี้แจงของบไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หากสถาฯ สามารถหางบได้ด้วยตัวเอง ก็เป็นการดี เพราะวันนี้เราแพ้ อบต.แพ้เทศบาล ที่งบประมาณเหลือ เขาสามารถสะสมงบประมาณได้ แต่สภาฯ ต้องคืนทุกปีเพราะเราไม่สามารถจัดการตัวเอง เพื่อไม่คืนเงินที่เหลือจ่ายได้ ซึ่งตอนนี้ตนได้หารือกับฝ่ายกฎหมายของสภาฯ เพื่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภาเมื่อสร็จแล้วก็ต้องส่งให้รัฐบาล เนื่องจากเป็นกฎหมายการเงิน เมื่อเข้าสภาฯแล้วก็เชื่อว่า ทุกพรรคคงไม่ขัดข้อง ดังนั้น ต่อไปนี้เราจะต้องสู้ และขอให้ สงร. ไปวิจัยว่าในปีงบประมาณปี 69และ ปี70 สภาฯ ควรมีงบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งควรจะเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อนำไปอ้างอิงกับสำนักงบประมาณ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews