“คุยกับเศรษฐา” ครั้งแรก นายกฯ ย้ำทำงานเต็มที่เพื่อคนไทยทั้งประเทศ แก้ปัญหาจริง ลงพื้นที่ถี่ เพื่อเข้าถึงประชาชน ยอมรับ ประสบการณ์การเมืองยังน้อย ไปต่างประเทศเป็นบวกกับการลงทุนไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมจัดรายการทีวีครั้งแรก “คุยกับเศรษฐา” โดยมี นายธีรัตถ์ รัตนเสวี ร่วมดำเนินรายการ ว่า หลังจากทำงานมา 10 เดือน จริงๆแล้วจุดมุ่งหมายของรายการนี้ รัฐบาลเองทุกๆกระทรวง ทบวง กรม
รัฐมนตรีทุกคนมีการทำงานหนักมากและยังไม่มีช่องทางที่นอกเหนือจากผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์กันธรรมดา
แล้วก็ไม่มีช่องทางที่จะสื่อสารกับพี่น้องประชาชนอธิบายให้ฟังว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้างและแผนงานระยะยาวจะทำอะไรบ้างอย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ 10 เดือนที่เคยพูดว่าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็ต้องยอมรับว่าถ้าไม่เหนื่อยก็คือการโกหก รัฐมนตรีทุกท่านทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ เชื่อว่าทุกคนแบกภาระ ที่หนักหน่วงอันนี้อยู่
แต่พูดแทนคนอื่นไม่ได้ สำหรับตนเอง เหนื่อยนอนคืนเดียวก็หายแต่เมื่อเสนอตัวมาทำงานแล้ว ปัญหาของพี่น้องประชาชนมีมากกว่า ชีวิตไปทำงานมา 40 ปี ยึดมั่นใน 2 วินัยคือมีวินัยในการทำงานและทำงานให้หนัก แต่เรื่องการดูแลสุขภาพการพักผ่อนให้เพียงพอ
แนวทางในการลงพื้นที่ ตนถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว นายกรัฐมนตรีซึ่งถือเป็นผู้บริหารสูงสุดต้องเป็นผู้ดูแลไม่เลือกจังหวัดในการลงพื้นที่ ส่วนแนวทางในการลงพื้นที่
แต่ละจังหวัดต้องยอมรับว่าเป็นต้นทุนที่เป็นรองของนักการเมือง เพราะเพิ่งเข้าถนนการเมือง 3-4 ปีที่ผ่านมา การลงพื้นที่จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนักการเมืองมือใหม่อย่างตนต้องลงพื้นที่ให้มากต้องเข้าใจถึงปัญหาจริงๆไม่ใช่ฟังแต่รายงานจากกระดาษ
โดยในจังหวัดภูเก็ตที่มีการลงพื้นที่หลายครั้งมองว่าเป็นนโยบายเรือธงที่ต้องแก้ไขคือการท่องเที่ยวภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สามารถทำรายได้ให้สูงมากกับประเทศมีศักยภาพสูงมากๆด้วยไม่ว่าจะเป็นหลายๆเรื่องหลายๆด้านแต่ว่าปัญหาก็เยอะ เช่น
น้ำประปา ขยะ สนามบิน ถนน มาเฟีย ความมั่นคงความปลอดภัย หลายๆอย่างต้องให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง สัปดาห์แรกที่เป็นนายกก็ลงไปแล้วเชิญรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมลงไปดูจราจร
สนามบินต้องได้รับการพัฒนา มองไม่ควรจะเป็นเฉพาะภูเก็ตควรเป็นสนามบินอันดามันกลุ่มกระบี่ พังงา และสนามบินสุวรรณภูมิได้มีการลงพื้นที่ไปหลายครั้ง เพื่อให้ได้รับการพัฒนาและต้องขยายออกไปเพื่อรองรับในอนาคตแต่ในปัจจุบันเมื่อมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างมโหฬาร การเดินทางเข้าประเทศในครั้งแรกของนักท่องเที่ยวจะต้องมีความสุขไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเช็คอินตม.เรื่องกระเป๋า
เรื่องแท็กซี่หากสามารถระบายคนได้เร็วลงไปดูเองก็จะได้เห็นด้วยตัวเอง คิวยาวต่างๆถือว่าเป็นปัญหาถ้าลงไปแบบไม่มีการบอกล่วงหน้าก็จะได้ไม่มีการเตรียมการ ไม่ถือเป็นการจับผิดแต่อยากเห็นธรรมชาติเพราะก่อนเป็นนักการเมืองกับบริษัทเก่าก็จะลงไปตรวจงานแบบไม่บอกก็จะได้เห็นศักยภาพจริงก็จะแก้ปัญหากัน ไม่ได้ไปด่าเขาว่าเขาเพียงแต่ให้มาช่วยกันจริงๆ
การทำงานที่สุวรรณภูมิยังสามารถพัฒนาได้อีกเป็นไปตาม KPI การเข้ากระบวนการภายใน 45 นาทีถือว่าพัฒนาไปมาก เทคนิค ในการบริหารงานจากบริษัทเอกชน ไปยัง รัฐบาลก็มีส่วนที่แตกต่างกัน เราจะต้องดูให้ครบต้องระมัดระวังความขั้นตอนในการทำงานมีกลไกทางราชการซึ่งเราก็ต้องเคารพ มีองค์กรอิสระตรวจสอบก็เยอะเราก็ต้องมั่นใจว่าทุกอย่างทุกการกระทำถูกต้องเป็นไปตามกฎระเบียบแต่ก็มองว่าความเดือดร้อนบางทีก็ไม่คอยท่าต้องการการบริหารจัดการแต่ระหว่างทางก็มีมาตรการระยะสั้นชั่วคราวที่ช่วยพยุงปัญหาไปได้บ้างเพราะบางทีปัญหาก็ไม่สามารถแก้ได้รวดเร็วทันใจมีหลายขั้นตอนเพราะเป็นระบบราชการ ยิ่งถ้าเราต้องยอมรับโดยการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกสถานที่ เมื่อมีคณะรัฐมนตรีลงไปก็จะมีการตื่นตัว
ซึ่งครั้งแรกลงไปในหนองบัวลำภู ที่มี GDP ต่ำที่สุด ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเราให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้การที่ลงพื้นที่กับต่างจังหวัดจังหวัดข้างเคียงก็สำคัญเพราะเรารู้ว่าจังหวัดทุกจังหวัดต้องการความช่วยเหลือในหลายมิติไม่ว่าจะเป็นเกษตรทั้งเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้งซึ่งการลงไปหน้างานถือเป็นการทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น คณะรัฐบาลไปทั้งหมดมีการกำหนด KPI ที่ชัดเจนว่าจะมีอะไรบ้าง เป็นการสร้างความคาดหวังให้กับพี่น้องประชาชนในครั้งต่อไปในครั้งต่อไปว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีไปจังหวัดข้างเคียงจะได้อานิสงส์อะไรบ้าง
สำหรับการลงพื้นที่ก็จะมีของฝากจากประชาชน บางอย่างไม่เคยทราบไม่เคยรู้มาก่อน ปัจจุบันก็ได้มีการลงพื้นที่ เช่น ไปเพชรบุรีมาในพื้นที่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ผ้าพันคอที่สวยมากที่เป็น”ผ้าเพ็ชรราชวัตร” เลยนำไปฝรั่งเศสอิตาลีนำไปแจกทูตานุทูต กระเป๋ากระจูดจากนราธิวาส
สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศซึ่งเยอะมากไม่ได้แก้ตัวไปมา 15 กว่าครึ่งเป็นรายการบังคับเพราะเป็นเรื่องของไปอาเซียนแนะนำตัวหรือไปจีน ไปกัมพูชา ไปสิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลียเป็นอาเซียนออสเตรเลีย อาเซียน-ญี่ปุ่น 50 ปี ซึ่งไม่ไปไม่ได้ อย่างศรีลังกาไปลงนาม FTA เป็นเรื่องที่รัฐบาลเดิมได้ทำไว้แล้วเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ต้องยอมรับรัฐบาลก่อนอาจเห็นความสำคัญของเรื่องอื่นแต่รัฐบาลนี้เรื่องการค้าระหว่างประเทศความเปราะบางทางภูมิประเทศ
ทำให้การลงทุนข้ามชาติที่ประเทศไทยถือเป็นเรื่องที่สำคัญถ้าเราไม่ไปเชื้อเชิญและไปบอกว่าประเทศไทยเปิดแล้วไม่มีเวลาไหนดีไปกว่าเวลานี้ก็ต้องไปเงินได้กลับมาเป็นแสนล้านแน่นอนอาจจะยังไม่เกิด อาจจะอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาบางอันก็กำลังจะเกิดก็มีทุกระดับแต่การทำงานก็ต้องทำทั้งหมดต้องไปทุกบริษัทที่มีศักยภาพที่จะลงทุนพัฒนาในประเทศไทยได้ตรงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถือเป็นหน้าที่
ผลจากการเดินทางเยือนต่างประเทศถือว่าเป็นบวกมากประเทศไทยเหมาะสมสำหรับการลงทุนบางเรื่องได้รับการประสานงานระหว่างสภาผู้แทนการค้าไทย BOI สถานทูตไทยช่วยกันไปโฆษณาว่าประเทศไทยว่ามีอะไรดีพลังงานสะอาดเรามีพร้อม ข้อเสนอจาก BOI เรามีเหนือกว่าที่อื่นเรามีโรงเรียนนานาชาติที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านเรามี health care system ซึ่งมีมาตรฐานสูงกว่าหลายประเทศนักลงทุนจากต่างประเทศที่จะย้ายฐานมาจะต้องมีความมั่นใจเรามีโครงสร้างพื้นฐานมากพอ เมื่อมาลงทุนแล้วทำให้มั่นใจได้
โดยจุดยืนทางการทูตไทยเราจะต้องไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศไหน จากที่เดินทางไปต่างประเทศมาทั้ง EU ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ทุกประเทศอยากลงทุนกับประเทศไทยถึงแม้ว่าจะเป็นคู่ขัดแย้งกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าประเทศไทยจะให้ความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย เพราะว่าจะต้องมั่นใจฐานการผลิตของเขา supply chain ของเขาจะไม่ถูกทำลายในอนาคตหากมีคู่ขัดแย้งมากขึ้นคนที่คุมขนส่งสินค้าไม่เป็นกลางก็อาจจะมองเป็นปัญหา
ถ้าหากเราเป็นประเทศเป็นกลาง มั่นใจว่าการขนถ่ายสินค้าของเขาจะได้รับการดูแลก็จะมีการลงทุนสูงขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา เช่น การเปลี่ยนอุตสาหกรรมไม่ได้สามารถสร้างได้ภายในวันเดียวก็ยังต้องมีขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่การซื้อที่ ที่ตั้งในการลงทุน การพัฒนายกระดับ ทักษะแรงงานไทย ขอให้กระทรวง อว. ทำเป็นการหลักสูตรในระยะยาว
การทำงานปีแรกถือได้เป็นการปูพื้นฐานอีก 3 ปีนับจากนี้มองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมากเหมือนรถที่ยังไม่วิ่งเต็มสูบเหมือน Ferrari 12 สูบแต่วิ่งอยู่เพียง6-7 สูบแต่ 6-7 สูบ ก็เดินหน้ากันเต็มที่แต่ก็ต้องทำกันไปเพราะอย่างที่บอกมีหลายเรื่องไม่สามารถทำเองได้เพียงคนเดียวมีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล มีทั้งฝ่ายตรวจสอบ มีทั้งรัฐสภามีข้าราชการ NGO ซึ่งหลายคนที่เริ่มจะมีคนขัดแย้งก็ต้องทำเรื่องประชาพิจารณ์เป็นอะไรที่มีข้อกังขาเหมือนกัน เช่น ทุกคนบ่นเรื่องค่าไฟแพง
แต่ค่าไฟที่ถูกที่สุดคือพลังงานนิวเคลียร์ พูดมาถึงตรงนี้อยากได้แต่อย่ามาอยู่บ้านฉันไปอยู่บ้านคนอื่นเป็นต้น ก็มีการเริ่มต้นที่จะค้นคว้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่านี่คือเรื่องที่เรากำลังดูอยู่เป็นต้นและเป็นอีกเรื่องหลายๆเรื่องเช่น Entertainment Complex มีธุรกิจสีเทาสีดำที่อยู่ใต้ดินเป็นล้านล้านบาทแล้วก็ทำธุรกิจโดยไม่ต้องเสียภาษี เราจะยอมให้มีธุรกิจแบบนี้อยู่ต่อไปหรือหรือจะยกขึ้นมาบนดินแล้ว ก็ปรับโครงสร้างการเก็บภาษีให้ถูกต้องเอามาควบคุม ควบคุมอาชญากรรมให้ได้เชื่อว่าถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยจะต้องยอมรับในเรื่องพวกนี้ว่าควรมีแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews