“ยิ่งชีพ-ไอลอว์” ชี้ตัวเลขการได้มา สว.ไม่ปกติ 8 จังหวัดที่มีผู้ผ่านการเลือกในลักษณะ “รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราได้เป็นสว.” ลงคะแนนไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ผิดกับสามัญสำนึกของประชาชน
นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน (iLaw) เปิดข้อค้นพบจากการวิเคราะห์ผลการลงคะแนนโดยทีมงาน iLaw ว่าพบตัวเลขชัดเจนถึงการได้มาซึ่งส.ว. ที่ไม่ปกติ แสดงให้เห็นว่าคนที่ได้เป็น สว.ฝ่าฟันระบบเลือกมาอย่างชาญฉลาด รักสนุกสนาน โดยจะแกะคะแนน 8 จังหวัดที่มีผู้ผ่านการเลือกรอบประเทศเยอะผิดปกติในลักษณะ “รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราได้เป็นสว.”
ใน 8 จังหวัดมีผู้ผ่านเข้ารอบไขว้ 258 คน ได้เป็น สว.จริง 52 คน ในรอบแรกจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บุรีรัมย์ สตูล มีผู้ผ่านเข้ารอบ 38 คน อ่างทอง เลย 37 คน อำนาจเจริญ 36 คน ยโสธร 34 คนสุรินทร์ 28 คน นครนายก และตรัง 19 คน เมื่อเทียบสัดส่วนของ สส.พรรคภูมิใจไทยใน 8 จังหวัด
พบว่า พระนครศรีอยุธยามี สส.ภูมิใจไทย 3 จากทั้งหมด 5 คน บุรีรัมย์ยกจังหวัด 10 คน สตูล อำนาจเจริญ และอ่างทองยกจังหวัด 2 คน เลยมี สส.ภูมิใจไทย 1 จากทั้งหมด 4 คน ยโสธรมี สส.ภูมิใจไทย 2 คนจากทั้งหมด 3 คน และสุรินทร์ 5 คน จากทั้งหมด 8 คน
หากดูสถิติในระดับอำเภอ จังหวัดบุรีรัมย์มี 18 อำเภอ มีผู้สมัครเพียงแค่ 8 อำเภอ ที่เข้าสู่รอบจังหวัด โดยผู้ชนะที่ได้เป็น สว.มักจะได้คะแนนสูง ส่วนจังหวัดเลย 14 อำเภอ ผ่านเข้ารอบประเทศ 7 อำเภอ มาจากอำเภอภูเรือ 17 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครในกลุ่ม 5 และกลุ่ม 6 โดยรอบเลือกไขว้คนจากจังหวัดเลยได้คะแนนที่สูงเช่นกัน
เมื่อดูการกระจายตัวของคะแนนใน Top 8 จังหวัด ในการเลือกรอบแรก จะพบว่าคะแนนของทั้ง 8 จังหวัดเกาะกันเป็นกลุ่ม ทุกคนคะแนนใกล้เคียงกัน ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24 คะแนน ซึ่งการันตีว่าผ่านเข้ารอบแน่นอน ทั้งนี้ยังมีคนที่ไม่ได้คะแนน สะท้อนว่าเป็นผู้ที่เข้ามาโหวตโดยเฉพาะ ในขณะที่ 69 จังหวัดที่เหลือคะแนนจะกระจายตัวมากกว่า
จากการสังเกตการณ์ยังพบปรากฏการณ์ล้นกระดานคะแนน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดคือ 79 คะแนน ปรากฏการณ์ดังกล่าว ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับที่ 1-6 ของแต่ละกลุ่ม อยู่ที่ประมาณ 60-79 คะแนน ส่วนอันดับ 7-10 มักจะเป็นผู้ที่ได้คะแนนที่ต่ำกว่า 35 คะแนน ดังนั้น สว.จึงมีอยู่ 2 ประเภทคือ ผู้ที่ได้คะแนนน้อย กับผู้ที่ได้คะแนนถล่มทลาย ในจังหวัด Top 8
นายยิ่งชีพ ยืนยันว่าการทำการบ้าน หรือเตรียมลงคะแนนไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ผิดกับสามัญสำนึกของประชาชน และผู้สมัครคนอื่น คนที่จะเป็น สว.ได้ค้องมีคุณสมบัติครบถ้วน จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่านาวสาวปุณณภา จินดาพงษ์ กลุ่ม 12 เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดเลย และยังเป็นอยู่ ซึ่งผู้ที่เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
นายกิตติศักดิ์ หมื่นศรี กลุ่ม 19 พบข่าวเมื่อเดือนกันยายน 2560 ศาลพิพากษาให้มีความผิด ตามกฎหมาย ป.ป.ช.กรณีไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินมีโทษจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ซึ่งถือเป็นลักษณะต้องห้าม
นายสมชาย เล่งหลัก กลุ่มที่ 19 เคยเป็นผู้สมัคร สส.ของจังหวัดภูมิใจไทย ตามข่าว กกต.ได้แจกใบดำใบแดงฐานซื้อเสียง หากศาลตัดสินว่ามีความผิดเท่ากับว่าขาดคุณสมบัติ
นอกจากนี้ยังพบผู้สมัครบางส่วนที่สมัครไม่ตรงกลุ่ม ระหว่างกลุ่ม 5 ทำนา ปลูกพืชล้มลุก และกลุ่ม 6 ทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง ส่วนกลุ่ม 17 ประชาคมกลุ่มองค์กรสาธารณะประโยชน์ นายชาญชัย ไชยพิศ ข้าราชการครูจากจังหวัดบุรีรัมย์ เคยเป็นนายกสมาคมผู้บริหารครูต่างทำหน้าที่ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาคม ไม่ใช่ทำเพื่อประชาสังคม โดยส่วนใหญ่ของว่าที่ สว.ในกลุ่มนี้ มาจากจังหวัด Top 8 และเป็น อสม. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถลงสมัครในกลุ่มที่ 17 ได้
กลุ่มที่ 18 สื่อสารมวลชน นางสาวคอดียะฮ์ ทรงงาม ระบุประสบการณ์ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายหมู่บ้าน ซึ่งประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย ไม่สามารถเป็นกลุ่มสื่อสารมวลชนได้
ฝากไปถึง กกต.ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกอย่างละเอียดอีกครั้ง หากใครที่ขาดคุณสมบัติต้องไม่รับรองภายในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครทุกคนทั้ง 48,000 คน ใครที่สมัครโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติในกลุ่มนั้น ๆ ต้องถูกตัดสิทธิและมีโทษจำคุก กกต.ควรตรวจสอบผู้สมัครตั้งแต่ระดับอำเภอ และต้องตรวจสอบเอาผิดย้อนหลังเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews