“ภูมิธรรม”อัพเดทตรวจสอบบริษัทประมูลข้าว10ปี ต้องทำจนสิ้นข้อสงสัย ครบกรอบเวลา7วันแล้ว คาดวันนี้ได้รับรายงานจาก อคส. รับที่ล่าช้าเพราะไม่อยากให้มีข้อกังขาอีก ถูกโยงดราม่า”เพื่อไทยการละคร”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ระหว่าง การเดินทางร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ JTC ไทย-มาเลเซีย ที่ประเทศมาเลเซีย ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ ข้อสงสัยของบริษัทเข้าร่วมการประมูลข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาล(ข้าว10ปี) จำนวน 15,000 ตัน หลังจากล่าสุดได้ให้กรอบระยะเวลา 7 วันกับทางองค์การคลังสินค้าได้ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนจากทุกฝ่ายเพื่อให้สิ้นข้อสงสัย ว่า
จากที่มีเรื่องสงสัยของส่วนต่างๆ จึงต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนก่อนจะตัดสินใจ จริงๆหากไม่คิดองค์ประกอบอื่น ใช้เรื่องราคาที่เสนอเป็นหลักวันนี้ก็ตัดสินใจได้แล้วโดยให้ผู้เสนอราคาสูงสุด ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาที่ดี
แต่พอมีข้อสงสัย จึงต้องพิจารณาส่วนอื่นๆด้วย โดยขณะนี้รักษาการผอ.อคส. กำลังเร่งตรวจสอบ ซึ่งได้สั่งให้พิจารณาตรวจสอบบริษัทที่เข้าร่วมประมูลทั้งหมด จำนวน 7 รายไม่ใช่เฉพาะผู้เสนอราคาสูงสุด คือ บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดเท่านั้น เพราะว่าหากต้องตัดสินใจอย่างไร ก็จะต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่ใช่เลือกตรวจใครไม่ตรวจใคร และขอดูว่าผลการตรวจเป็นอย่างไร ตามทีโออาร์มีข้อบังคับอยู่ หากมีอะไรที่ติดขัดกับข้อห้ามของอคส.หรือ ติดคดีความ ก็ต้องอยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการฯ โดยสิ่งที่คำนึงถึงมีอยู่ 2 ข้อ คือ มีศักยภาพที่จะระบายข้าวที่ได้จากการประมูลหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไปกลางทางแล้วมาถอนตัว ผู้ที่ได้ไปก็อยากให้ ดำเนินการระบายข้าวออกได้จึงตัดสินใจ ให้ประมูลแบบเหมากอง อีกข้อหนึ่งคือเรื่องราคา ต้องมีราคาที่สูงพอที่เราจะยอมรับได้ ซึ่งก็ต้องคำนึงถึงเรื่องราคาเป็นหลักและความไปได้ในการส่งมอบ โดยเรื่องอื่นๆปลีกย่อยคือการกระทำต้องไม่ขัดกับทีโออาร์ที่มีการกำหนด จนถึงที่สุดแล้ว หากไม่มีใครที่เหมาะสมต้องยกเลิกประมูลก็คือต้องยกเลิก แต่เราจะพยายามหาทางออกให้ดีที่สุด ซึ่งตอนที่ทำทีโออาร์ จึงให้มีการระบุถึงผู้เสนอราคาอันดับที่ 2, 3 หากอันดับที่ 1 มีปัญหา
ก็สามารถพิจารณา อันดับถัดไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการเปิดประมูลใหม่ เพราะข้าว 10 ปีแล้วก็อยากให้ระบายออกให้ได้เร็ว เพื่อประชาชนจะได้หมดห่วงเพราะฉะนั้นจึงต้องขอดูปัญหาข้อจำกัดมาพิจารณาอย่างรอบคอบ
เมื่อถามว่ากระบวนการทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ นายภูมิธรรม ย้ำว่า ได้ให้คณะกรรมการฯตรวจสอบให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วันทำการซึ่งจะครบกำหนดภายในวันนี้ เมื่อชัดเจนผลเป็นอย่างไรก็ต้องรายงานมา เราจะตัดสินใจบนฐานข้อมูล โดยถือกฎหมายและทีโออาร์เป็นหลัก และอยากจะแถลงเปิดเผยข้อมูลให้รับทราบแต่ก็ต้องดูว่า การตรวจสอบทั้งหมดครบกระบวนการแล้วหรือไม่ หากยังมีข้อติดขัดอีกก็เปิดโอกาสให้พิจารณาต่อไปได้
โดยการให้ตรวจสอบใน 7 วัน ก็เพื่อให้มีกรอบในการทำงาน ซึ่งในช่วงแรกได้พิจารณาว่าจะให้เวลา 15 วันหรือ 7 วันถึงจะเหมาะสม แต่คิดว่า 7 วันน่าจะเพียงพอแล้ว แต่หากจะมีอะไรเพิ่มเติมก็ไม่ได้เป็นคำสั่งแบบตายตัว เพียงแต่มีกรอบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่เราจะทำให้จบโดยไม่อยากให้สันนิษฐานไปก่อนล่วงหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะออกบวกหรือออกลบ
เมื่อถามว่าเราจะตรวจสอบลงลึกถึงขั้นการเป็นนอมินี หรือตัวแทนแฝงเข้ามาหรือไม่ ด้วยการใช้บริษัทลูก แต่บริษัทแม่ติดแบล็คลิสกับ อคส. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนนี้อะไรที่เป็นข้อกฎหมาย ข้อกำหนดในทีโออาร์ก็ตรวจสอบหมด โดยให้ถือเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาอย่างไร ก็ก็ให้เป็นไปตามนั้น แต่ถ้าหากมีข้อสงสัยก็ต้องไปดูการกระบวนการว่าใครทำผิดกติกาก็ดูไปตามขั้นตอนที่มี
โดยย้ำว่าการเจรจาราคาในการซื้อ เจรจาได้เจรจากับรายแรกเพียงรายเดียว ไม่ได้ไปเจรจากับทุกราย เพียงแต่เวลานี้การตรวจสอบคุณสมบัติก็จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ หากรายแรกจบแล้ว ตรวจสอบเสร็จไม่มีข้อติดขัดอะไร ก็เดินหน้าต่อได้ไป เพราะขั้นต้นในการเจรจาราคา?ก็ถือว่ามีการเสนอราคาให้ในระดับที่น่าพอใจ จากราคาประมูลที่เสนอ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.07 บาท ซึ่งผู้ที่เสนอราคาสูงสุดได้มีการทำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้าว่ายืนยันราคาที่เสนอที่เหลือคือขั้นตอนว่าอคส.จะตกลงตามนั้นหรือไม่
แต่เวลานี้ที่ยังไม่ถึงขั้นตอนนี้ เพราะมีข้อร้องเรียนจึงต้องหาข้อพิสูจน์ก่อน ถ้าวันนี้เคลียร์ได้แล้วก็เดินหน้าต่อ โดยเรื่องที่มีความกังวลว่า บริษัทวีเอท มีทุนจดทะเบียนธุรกิจเพียง 2 ล้านบาทแต่มาเข้าร่วมการประมูลข้าว มูลค่ากว่า 280 ล้านบาทจะมีการทิ้งงานหรือไม่ ส่วนนี้เบื้องต้นบริษัทวีเอท ได้ยื่นหนังสือมาว่าเขาจะแก้ข้อกังวลการทิ้งงานด้วยการวางเงินสดเต็มจำนวนแต่จะนำเงินมาจากส่วนไหน ก็เป็นกระบวนการของเขา ถ้าเขาเคลียร์จนหมดข้อสงสัยก็ไม่มีปัญหาอะไร
และเมื่อถามถึงราคา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีพอใจหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า พอใจหรือไม่อยู่ที่การต่อรอง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีเพราะในอดีตขายได้กิโลกรัมละ 5 บาทตอนนี้ขายได้ 19 บาท ก็ถือว่าดี ข้าว 2 ปี ขายได้ 5 บาท ข้าว 10 ปีขายได้ 19 บาทกว่า โดยย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า?น่าพอใจไหม รัฐได้ประโยชน์ก็น่าจะขายได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ทำอะไรก็มีปัญหา ถูกระบุว่า “เพื่อไทยการละคร” เมื่อมีดราม่ามาก็ต้องตรวจสอบหมด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
