กระบวนการที่จะตามมา โดยกระบวนการเลือกองค์กรอิสระจากนี้ไป จะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ต้องให้ได้คนที่เป็นกลางจริงๆ
พร้อมมองว่า สว.ชุดใหม่ อาจจะไม่ใช่ สว. ที่มาช่วยแก้รัฐธรรมนูญทั้งหมด แต่อาจจะมี สว.ที่ไปขวางการแก้ไข ก็มีในสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย แต่การที่จะมาต่อรองประณีประนอม เห็นผลประโยชน์ของประชาชนในที่ตั้งก็มีด้าน รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า หาก กกต. ประกาศรับรอง ตนจะเข้าไปทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนสื่อ เพราะตนเข้าใจในอาชีพสื่อมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกิน แต่ไม่มีใช้ พร้อมยืนยันตนเคยเป็นสื่อมวลชนมาก่อน ดังนั้น อย่ามาแซะ ว่าไม่เคยทำอาชีพนี้
ส่วนการที่ ส.ว. ชุดปัจจุบัน นัดประชุมในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ มองว่า พอจะได้ส.ว. ชุดใหม่เข้ามา ก็มาขยันทำงาน ทั้งที่ 5 ปี ไม่ได้ทำอะไรเลย โดยหน้าที่ของ ส.ว. มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย ไม่ใช่มาตรวจสอบ ส.ว. ชุดใหม่ทั้งนี้ บทบาท ส.ว. โดยมารยาท ควรยุติบทบาทได้แล้ว
ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความหวังว่า กกต. จะรีบประกาศรับรอง หากรับรองช้า ก็จะไปร้องต่อ กกต. บ้าง โดยการได้มาซึ่ง ส.ว. ครั้งนี้ ขอยืนยันว่า เป็นกติกาที่พิสดาร วิปริต ที่สุดในโลก ไม่ใช่กติกาของการได้คนที่จะเข้าไปทำในกระบวนการนิติบัญญัติ แต่เป็นกติกาที่ใช้สำหรับเล่นเกมโชว์ มีการเสี่ยงโชค พร้อมตั้งฉายาว่า “โหด เหี้ยม หักหลัง และฮั้ว” ทั้งที่วุฒิสภา คือ คนที่ที่มีวัยวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพกฎหมาย
เพื่อเข้าไปกลั่นกรองกฎหมาย หากออกแบบแล้ว ได้คนที่ไม่ได้ความรู้ ความสามารถ เข้ามา ก็จะเป็นการออกแบบที่ไม่ตรงปก ดังนั้น คนที่เป็น ส.ว. ต้องมีความรู้ขั้นต่ำ คือ ระดับปริญญาตรี หากไม่รู้อะไร จะเข้ามากลั่นกรองกฎหมายได้อย่างไร ได้ ส.ว. แก่ แต่ไม่มีความรู้ส่วนเหตุผลที่คนดังตก เพราะในรอบเลือกกันเอง มีการสกัดจุดแข็ง เพราะหากหลุดไปรอบไขว้
คนดังได้เปรียบ พร้อมยอมรับในกระบวนการเลือกมีการฮั้วจริง พร้อมมองว่า เป็นกติกาที่ไม่สมเหตุสมผล ได้คนมาไม่มีคุณภาพ ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย อย่ามีอีกเลย จะเลือกของใหม่ไม่เป็นไร แต่ต้องแก้กติกาก่อนหรือจะไม่มี ส.ว. เลยก็ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นสักเท่าไหร่ หากมีการแก้กติกา ควรแก้ให้การเลือก สว. มาจากประชาชน
สำหรับตัวสำรองที่เลื่อนขึ้นมา ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน ถือเป็นเหตุจูงใจที่อันตราย ดังนั้น ไม่ควรมีวิธีการเลือกแบบนี้ แม้จะไม่ได้เป็นสภาผัวเมีย แต่การโหวต ก็ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนเพราะประชาชน ไม่ได้เป็นผู้เลือกเองขณะเดียวกัน ดร. นันทนา ยอมรับกระแสวิจารณ์ เรื่อง สว. สายสีน้ำเงินว่ามีจริง และถือเป็นเรื่องเจ็บจี๊ด โดยวันนี้เราได้นัด สว.ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ประมาณ 30 คน หารือ และแม้ สว.ชุดนี้
หน้าตาจะไม่สระสวย แต่ไม่ได้มา จากที่เดียว ที่โหวตอย่างพร้อมเสียง 200 เสียงไม่มีแตกแถว และสว. ชุดใหม่ มีความหวังไม่ถึงกับหมดหวัง การมี สว.ชุดใหม่ อาจจะมีอาชีพ ที่เลี้ยงชีพไม่ว่ากันอาจจะมีพิธีกรงานศพ หรือช่างเย็บผ้า แต่ควรเปิดโอกาสให้ สว. ชุดใหม่สื่อสาร กับประชาชน ซึ่งตนจะเรียกร้อง ให้มีการถ่ายทอดสดการประชุม สว. ทุกนัด เพื่อให้โขว์สกิลกับประชาชน รวมถึงการสรรหาองค์กรอิสระ ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ให้ประชาชนรับฟังด้วย โปร่งใส สื่อสาร รับใช้ประชาชน
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และผู้สมัคร สว. กล่าวว่า เป็นความหละหลวม ของ กกต.ในการออกระเบียบ ให้รับรองตัวเอง รวมถึงการจัดกลุ่มอาชีพ ขณะที่ความเป็นกลางทางการเมือง ถูกแทรกแซง ได้รับสนับสนุน พรรคการเมือง ทั้งสีส้ม แดง น้ำเงิน เปิดช่องว่างให้มีการฮั้วกัน จากกติกาที่เป็นอยู่ เริ่มต้นอำเภอ คนเหล่านี้ มีค่าจ้างให้ไปสมัคร โดยมีการตั้งเป้าในการทำงานในการโหวต
รอบเช้าเลือกกันเอง เพื่อเข้ารอบไขว้ และบางคนหลุดเข้าไปถึงรอบบ่าย ผลที่เกิดขึ้นคือเกิดบัตรเสียจำนวนมาก เพราะคนกลุ่มนี้ ส่งบัตรเปล่า เพราะไม่ได้รับคำสั่งว่าต้องเลือกใคร และหากหลุดมารอบจังหวัดอีกมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น และมีความคิดว่าต้องหลุดไปรอบประเทศให้ได้ จึงมีการตั้งเป้าเพียงแค่ 50 คน ต่อ 1 กลุ่มอาชีพ ทำให้มีกระบวนการติดต่อซื้อขาย พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์
แต่ต้องเลือกตามบัญชีที่กำหนดให้ตามโพย มีการวางแผนมาแบบสำเร็จรูป ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ จะต้องเลือกใคร ซึ่งโพยเหล่านี้ ไม่ผิด โดยให้จดด้วยลายมือเข้าไป ทำให้เห็นว่า ลำดับ 1-7 มีคะแนนแบบเกาะกลุ่ม และยังมีการเรียกรับเงินแบบ 2 ทาง จึงเกิดปัญหาในกระบวนการเลือก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
