นายกฯ วางแผนหนุนไทยครองพื้นที่ในใจนักท่องเที่ยวมุสลิม เชื่อมั่นด้วยศักยภาพสามารถครองตำแหน่งที่ดีขึ้นในการจัดอันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมุสลิม สั่งมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลรอบด้าน ทั้งด้านอาหาร การท่องเที่ยว แฟชั่น ซอฟต์พาวเวอร์ สู่การเป็นศูนย์กลางฮาลาลในทุกมิติ พร้อมยินดีกับผลการจัดอันดับ Mastercard-Crescent Rating Global Muslim Travel Index หรือ GMTI 2024 ไทยติดอันดับที่ 32 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมุสลิม
และเป็นอันดับที่ 5 สำหรับกลุ่มที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิม (Non-OIC) พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแนวทางการทำงาน ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล เพิ่มกิจกรรมการท่องเที่ยวตีตลาดตามกระแสนักท่องเที่ยวมุสลิม เพื่อให้ไทยมีระดับครองใจนักท่องเที่ยวมุสลิมมากขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศ
ซึ่งในปี 2567 ตลาดการท่องเที่ยวมุสลิมมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูง มีการคาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมระหว่างประเทศถึง 168 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนการเกิดวิกฤตโควิด-19 ถึง 5% การเติบโตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม ทั้งนี้ทางหน่วยงาน Mastercard-Crescent Rating ได้จัดอันดับประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมุสลิม Global Muslim Travel Index : GMTI 2024
โดยในปีนี้ได้จัดอันดับโดยเน้นด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก จากทั้งหมด 145 จุดหมายปลายทาง ที่นักท่องเที่ยวมุสลิมนิยมมาท่องเที่ยว โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 32 จากการจัดอันดับทั้งหมด ซึ่งเป็นอันดับเดียวกับการจัดอันดับเมื่อปี 2023 และเป็นอันดับที่ 5 จากกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม (Non-OIC) ด้วยคะแนน 52 คะแนน
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่สวยงาม เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาล เนื่องจากประเทศไทยประกอบไปด้วยชุมชนมุสลิมจึงมีความเข้าใจในวัฒนธรรมมีสภาพแวดล้อมที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม และสามารถหารับประทานอาหารฮาลาลได้ทั่วไป ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการมาเยือนของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม
ทั้งนี้ อีกส่วนของความสำเร็จเกิดจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศไทย ในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2567-2571) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลทุกมิติ โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย
เพื่อยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับมาตรฐานสินค้าฮาลาล ส่งเสริมการค้าอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งในและระหว่างประเทศ พัฒนาระบบนิเวศฮาลาล (Halal Ecosystem) การจัดทำ MOU กับกลุ่มตลาดเป้าหมาย
รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) ที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาสินค้าฮาลาล ให้เชื่อมโยงเอกลักษณ์ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผลักดันอุตสาหกรรมฮาลาลไทย สู่ ASEAN Halal Hub
ทั้งนี้ผลสำเร็จจากนโยบายสนับสนุนการพัฒนาสินค้าฮาลาลของนายกรัฐมนตรีทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมุสลิม อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นที่จะต่อยอดความสำเร็จให้ก้าวหน้าขึ้นอีก โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ตอบโจทย์กระแสการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมุสลิม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews