เอกชน ชี้ เศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง ห่วงขาดดุลการค้าจีน เร่งเบิกงบกระตุ้นการผลิตในประเทศ
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือน สิงหาคม 2567 เปิดเผยว่า ที่ประชุม ได้รับทราบภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว กระทบกับการบริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง ถือเป็นความท้าทายต่อการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งขยายตัวได้เพียง 2% ในช่วงครึ่งปีแรก
ขณะที่ภาวะตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวน ทั้งเฟดส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วและแรงขึ้น สวนทางกับธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย โดยรวมทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ายังเปราะบางแม้การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐจะเริ่มนำเม็ดเงินเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณทำให้การใช้จ่ายของรัฐกลับมาขยายตัวเฉลี่ยสูงกว่า 15% ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
โดย กกร. มีความกังวลต่อการขาดดุลการค้าระหว่างไทยกับจีน ที่ล่าสุด 6 เดือนแรกของปี 2567 ที่ไทยขาดดุลการค้าจากจีนกว่า 19,967 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.66% ซึ่งส่งผลกระทบกับภาคการผลิตกว่า 23 กลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งยังถูกซ้ำเติมจาก Platform e-commerce ที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศโดยขายสินค้าจากโรงงานตรงสู่ผู้บริโภคในราคาถูก
ซึ่งเป็นการค้ารูปแบบใหม่ของจีน ยิ่งกดดันผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันทั้งด้านราคา และต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าได้ ดังนั้นเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ ภายใต้เมกะเทรนด์ของโลกที่มีสินค้าไม่ได้คุณภาพเข้ามาตีตลาดจากภาวะ Over Supply ที่ประชุมกกร. จึงขอเสนอให้รัฐบาลเข้มงวดการตรวจสอบมาตรฐานสินค้านำเข้า กำกับและควบคุมสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษี
โดยบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าภายในประเทศอย่างเข้มข้น โดยสร้าง Ecosystem ที่ทำให้ผู้ประกอบการไทย และ Supply Chain ไทยมีความเข้มแข็งและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย-จีน และ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย-จีน อย่างยั่งยืน (TCCBS) เพื่อแก้ไขปัญหาการค้าและการลงทุน ระหว่างไทยและจีน ให้อยู่ในกรอบของผลประโยชน์ร่วมกันภายใต้กรอบของกฎหมายของทั้งสองประเทศและกติกาสากล
นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่น่ากังวล โดยมีตัวเลขหนี้เสีย (NPL) ที่รายงานโดยเครดิตบูโรยังมีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเดือนพฤษภาคมสูงถึง 1.14 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% สะท้อนภาพการฟื้นตัวของรายได้ที่ยังไม่ทั่วถึง
ที่ประชุม กกร. เห็นว่ามีความจำเป็นที่รัฐจะเร่งรัดผันเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจโดยที่ส่วนหนึ่งมุ่งเน้นการยกระดับกลุ่มฐานราก และภาคการผลิต ใน Real Sector ให้มีความสามารถในการแข่งขัน และสร้างรายได้ให้กับกิจการและแรงงานตลอด Supply Chain อย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการกระตุ้นให้ลูกหนี้และภาคธุรกิจเข้าร่วมการปรับโครงสร้างหนี้หรือรวมหนี้เพื่อลดภาระหนี้ให้เหมาะสมกับรายได้
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปีเป็นความจำเป็นเร่งด่วนโดยเฉพาะการกระตุ้นกิจกรรมก่อสร้างภาครัฐให้กลับคืนมา ซึ่งจะช่วยหนุนภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องรวมทั้งการจ้างงานให้ฟื้นตัวดีขึ้นโดยเร็ว เติมสภาพคล่องในระบบเพื่อสนับสนุนกำลังซื้อที่อ่อนแอ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews