เศรษฐา เชื่อ ก้าวไกล เคารพคำตัดสินศาลรธน.ไม่ปลุกระดมจนวุ่นวายหลังโดนยุบพรรค บอก คุยฝ่ายความมั่นคงแล้ว มองเป็นการแสดงจุดยืนเดินหน้าการเมือง ชี้ มะกันค้านไม่มีความหมาย ลั่น ไทยเป็นประเทศเอกราชไม่มีใครยอมให้ก้าวก่าย เผย ดูเนื้อหาชี้แจงแล้วไม่ระหองระแหง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลหลัง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ที่เหมือนเป็นการปลุกระดม ว่า ตนคิดว่าอย่าใช้คำว่าปลุกระดม และคิดว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพรรคก้าวไกล ที่จะให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน และตนเข้าใจว่าเป็นการประกาศที่จะเดินหน้าการเมืองต่อไป ก็ขอให้กำลังใจ ในการที่จะต้องทำงานต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของทางการเมืองไป และตนได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้มีข่าวอะไร ที่ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการปลุกระดม
หากจะใช้คำนี้ไม่มีหรอก และตนก็มั่นใจว่าทางพรรคก้าวไกลเคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางการเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมืองที่ต้องเดินต่อไป ทั้งนี้ เมื่อวานนี้(7ส.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มารายงานเรื่องการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นไปด้วยความสงบทุกๆฝ่าย
ส่วนล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรามีวิถีการที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตย ของเราให้เป็นไปตามขั้นตอน ที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไป ตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว
ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจในบริบทของประเทศไทย หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยววันนี้ในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการแถลงข่าว ซึ่งตนได้ดูแล้วก็เป็นถ้อยคำที่โอเค ไม่ก่อให้เกิดการระหองระแหง ขอใช้คำนี้ดีกว่า เขาก็เป็นประเทศที่ใหญ่ ก็มีความเป็นห่วง และเป็นความปรารถนาดี ส่วนเราก็มีวิธีการเดินของเรา
ส่วนภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือนส.ค. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอน แต่ก็จบไปแล้วเมื่อวานอันหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ของตนเอง วันที่ 14 สิงหาคม อย่างที่ตนเรียนไปแล้วว่าได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะมาพูดอะไร ด้วยความเคารพเชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 สิงหาคม ก็คงจะทราบเรื่อง ส่วนวันนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 สิงหาคม ก็ยังทำงานปกติ
เมื่อถามว่ายิ่งใกล้วันที่ 14 ส.ค.ไม่ได้ทำให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ตนกังกล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอดส่วนภาคเอกชน ไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรคก้าวไกล เท่ากับคดีของนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำ ให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ตนขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่
ส่วนหากดูจากตารางงานนายกรัฐมนตรียาวเลยวันที่ 14 ส.ค. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องมีการแพลนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ตรงนี้ต้องขอให้เข้าใจด้วย ส่วนจะฝากอะไรไปถึงประชาชนให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีการสื่อสารกันดีอยู่แล้ว และรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว การตัดสินของศาลเราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่ ซึ่งตนพูดมาโดยตลอดตรงนี้
ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาที่ว่างลง จะให้พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ได้คุยกับพรรคเพื่อไทยหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปคุยกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews