Home
|
ข่าว

“รังสิมันต์ โรม” ลั่นรัฐบาลล้มเหลวไร้ใส่ใจแก้ปัญหาประชาชน

Featured Image
“รังสิมันต์ โรม” ลั่นรัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไร้ใส่ใจแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ชี้เงินมหาศาลหลายแสนล้านที่ไหลออกนอกประเทศใช้ทำ”ดิจิทัลวอลเล็ต”ได้เลย

 

 

 

 

นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ซึ่งเปลี่ยนมาจากพรรคก้าวไกล ในประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยสำนักข่าว INN ถึงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ว่า ไม่อยากให้คะแนนรัฐบาล แต่ให้สอบตก เพระไม่เห็นความจริงจังในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้เลย และมีความรู้สึกว่ารัฐบาลมองว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้โดยมองว่าปัญหานี้เกิดขึ้นนอกประเทศตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงสนใจเพียงอย่างเดียวคือ

 

 

เรื่องของการรณรงค์ ถึงแม้จะให้มีการแจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์ แต่จากสถิติตัวเลขการแจ้งความ ล่าสุด ในช่วง 2-3 ปี มีเพียงแค่ประมาณ 5-6 แสนคดีเท่านั้น พร้อมถามว่าได้มีการชี้แจงหรือไม่ว่ามีการจับคนร้ายและบัญชีม้าได้กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนเองไม่แน่ใจว่าสามารถจับกุมได้ถึง 10% หรือไม่ จึงสะท้อนให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหามีความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทำให้ประชาชน ไม่สามารถได้รับความยุติธรรมจากเรื่องนี้ และเงินก็ไหลไปนอกประเทศนับแสนล้านบาท

 

 

“ที่บอกว่าประเทศมีวิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่อยากจะบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากบรรดาสแกมเมอร์ การพนันออนไลน์ เงินที่ไหลออกจากคนธรรมดาทั่วไป ไปต่างประเทศ ด้วยจำนวนเงินมหาศาล ซึ่งตัวเลขจำนวนเงินนี้สามารถนำไปดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้เลยด้วยซ้ำ”

 

 

นายรังสิมันต์ ยังถามรัฐบาลด้วยว่าในเรื่องการแก้ปัญหานี้ ได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติแล้วหรือไม่ เพราะถ้าหากดูจากการออกแบบงบประมาณ ไม่ได้มีการสนับสนุนหน่วยงานที่จะเข้าไปปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากไปกว่าเดิม และจากการเชิญหน่วยงานความมั่นคง เข้ามาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ ก็มีความชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลไม่ได้มีความใส่ใจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้รับมอบหมายอะไรเป็นพิเศษในการดำเนินการ

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube