“วราวธุ”ยันไม่สามารถเปรียบเทียบเจาะบาดาลของกระทรวงกับ “พิมรี่ พาย” ได้ ยันตรวจสอบได้ ยึดราคากลางสำนักงบประมาณกำหนด
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงประเด็นที่มีกระแสวิพากย์วิจารณ์ถึงการขุดเจาะน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลที่มีราคาสูง เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของ “พิมรี่พาย” ที่ใช้เงินส่วนตัวดำเนินการขุดเจาะน้ำบาดาลประมาณ 1.9 แสนบาท แต่ของรัฐบาลใช้ 105 ล้านบาท ว่าไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากระดับความลึกที่ 300-400 เมตร มีค่าใช้จ่ายในการขุด ทั้งเครื่องมือและการตรวจสอบคนละประเภทและแต่ละพื้นที่มีคุณภาพน้ำต่างกัน ทั้งนี้การขุดเจาะน้ำบาดาลจะมีราคากลางที่สำนักงบประมาณกำหนดไว้ สามารถตรวจสอบได้ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนเข้ามายังส่วนกลาง หากมีเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาความเดือดร้อนก็พร้อมที่จะแก้ไข ย้ำว่าสิ่งที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการขุดบ่อบาดาลช่ายเหลือประชาชนที่ผ่านมาสามารถหล่อเลี้ยงคนทั้งตำบลได้ กระจายน้ำไปยังพื้นที่ขาดแคลนนับ 1,000 ไร่แต่ยอมรับว่าระบบราชการทำให้กระบวนการทำงานเกิดความล่าช้า
ทั้งนี้ขั้นตอนของการขุดเจาะน้ำบาดาลที่มีรายงาน ว่า ในทางปฏิบัติเอกชนที่ต้องการขุดเจาะน้ำบาดาลมีการขุดเจาะบ่อบาดาลก่อน แล้วทำเรื่องกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลภายหลัง นายวราวุธ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง อาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยยืนยันว่ากรมทรัพพยากรน้ำบาดาลทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ส่วนกรณีที่มีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกำลังดำเนินการตรวจสอบและปราบปราม เนื่องจากกระทบกับชั้นน้ำใต้ดินที่อาจส่งผลทำให้ปริมาณน้ำลดลงอย่างมีนัยยะจนทำให้แผ่นดินทรุด
นายวราวุธ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนากล่าวถึงการหารือกับ 3 พรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในวันนี้แต่ละพรรคจะนำประเด็นมาพูดคุยหารือกัน ก่อนนำไปพิจารณาในแต่ละประเด็นเชื่อว่าในแต่ละพรรคจะมีแนวทางความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ส่วนมีความเห็นที่คล้ายกับพรรคพลังประชารัฐบ้างหรือไม่นั้น นายวราวุธ ระบุว่า มีทั้งส่วนที่คล้ายและส่วนต่างเนื่องจากเป็นพรรคขนาดเล็ก จึงอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันไป ส่วนประเด็นที่ให้สมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีได้อยู่ตามข้อเสนอพลังประชารัฐเห็นด้วยหรือไม่นั้นขอพูดคุยกับพรรคก่อนว่าแต่ละคนมีแนวความคิดเห็นนี้อย่างไร
โดยนายวราวุธ ระบุว่า จากที่เคยหารือกันมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เสียงของ ส.ว. ด้วยดังนั้นหากตัดอำนาจ ส.ว. แล้วก็ต้องคำนึงถึงเป้าหมายของการแก้รัฐธรรมนูญว่า ต้องการให้เกิดการสัมฤทธิ์ผลจึงต้องมานั่งหารือกันส่วนหากให้มีการแก้รายมาตราจะเสนอทันการเปิดประชุมสมัยวิสามัญหรือไม่นายวราวุธ ระบุว่า คงต้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news