Home
|
ข่าว

“รังสิมันต์“ ติงไม่ตลก “อุดม” ทวงบุญคุณยุบแล้วรวย20ล้าน

Featured Image
“รังสิมันต์“ ติงไม่ตลก “อุดม สิทธิวิรัชธรรม” ออกมาทวงบุญคุณพรรคประชาชน ยุบแล้วรวย 20 ล้าน บอกไม่มีสังคมไหนยอมรับเรื่องยุบพรรค ตั้งคำถามสรุปคดีพรรคก้าวไกล วินิจฉัยด้วยความเป็นกลางหรือตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นศัตรู

 

 

 

 

 

นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ทวงบุญคุณ “พรรคประชาชน” ไม่ถูกยุบไม่รวย 20 ล้าน ว่า งานยุบพรรคการเมือง ใน พ.ศ.นี้ ไม่มีสังคมไหนยอมรับ โดยเฉพาะสังคมที่เจริญแล้วต้นคิดว่าพวกเราที่เป็นนักการเมือง เวลาไปพูดคุย กับพรรคการเมืองต่างประเทศ ที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยหรืออยู่ระหว่างการพัฒนาประชาธิปไตย

 

 

 

ซึ่งทุกคนล้วนแปลกใจ ที่การยุบพรรคโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น และไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก ไม่มีใครยอมรับและเข้าใจได้ โดยเฉพาะประเด็นที่นำไปสู่การยุบพรรค ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายของพรรคก้าวไกล การเสนอเขาชื่อกฎหมาย ล้วนเป็นสิ่งที่น่าจะทำได้ ดังนั้น การยุบพรรคแบบนี้ ไม่เป็นสิ่งที่ยอมรับ และเมื่อพรรคถูกอยู่แล้ว ประชาชนที่เข้ามาสมัครสมาชิกพรรคเขาเห็นใจ

 

 

 

หลายคนจึงบริจาคเงินมา เป็นการดำเนินการโดยภาคประชาชน ที่เขารู้สึกว่าพรรคการเมืองนี้เขาเป็นเจ้าของและเขาอยากจะผลักดัน ให้พรรคนี้กลับมาทำงานในสภา อย่างเต็มภาคภูมิได้เร็วที่สุด ซึ่งแน่นอนถ้าเทียบกับความเสียหายของการยุบพรรค มันมากกว่าเยอะ แต่ประชาชนเขาก็ทำในสิ่งที่เขาพอจะทำได้ ในการสนับสนุนพวกเรา

 

 

 

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเอามาพูดเล่นกันได้ ว่าการยุบพรรคทำให้พรรคประชาชนมีรายได้ 20 ล้าน การยุบพรรคก้าวไกล ทำให้นักการเมืองที่มีคุณภาพ ควรจะเป็นอนาคตของประเทศ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง การยุบพรรคทำให้เพื่อน สส.ในบัญชีรายชื่อ ไม่มีสิทธิ์อีกต่อไป ทำให้เราต้องแสวงหาสมาชิกกันใหม่ ทำให้ประชาชนที่เป็นสมาชิกของเราถูกทำลาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความเสียหายของพรรคก้าวไกลเท่านั้น

 

 

 

แต่เป็นความเสียหายของประชาชน ที่เขาอยากจะเห็นการเมือง ที่ต่อสู้กันด้วยนโยบาย ต่อสู้กันทางความคิด การใช้กฎหมายในการยุบพรรค ควรจะเป็นสิ่งที่หมดไปได้แล้ว น่าเสียดายที่ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ตนเองก็ค่อนข้างตกใจ กับความคิด อ่านดูแล้วรู้สึกว่าคนที่สั่งการ ให้มีการยุบพรรคแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกว่า มันเป็นสิ่งไม่ควรทำ”

 

 

 

ส่วนวุฒิภาวะของคนพูด นายรังสิมันต์? กล่าวว่า ตนเข้าใจ นายอุดม จบนิติศาสตร์ และมีความเข้าใจทางด้านกฎหมาย แต่ปกติคนที่เป็นศาล ควรตัดสินคดีโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เป็นกลางไม่ใช่เอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคดี หากเรามองด้วยท่าทีเช่นนี้ ก็จะทำให้เกิดคำถามว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตั้งอยู่บนความเป็นกลางจริงหรือไม่

 

 

ตั้งอยู่บนพื้นฐานพยานหลักฐาน หรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ทำให้พรรคก้าวไกลได้โอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่หรือไม่ หรือสุดท้ายการตัดสินคดีนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นศัตรูของพรรคก้าวไกล หรือของความเชื่อ บางอย่างไปแล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ตนคิดว่ากฎหมายของเราจะมีปัญหามาก และจะทำลายความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมากขึ้นไปอีก

 

 

 

ขณะผลกระทบที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็คงจะเกิดคำถามจากพี่น้องประชาชนจำนวนมากว่า ตกลงแล้วการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอย่างไร และคำถามในลักษณะแบบนี้ ก็ทำให้วงการกฎหมายกลัวกันมาก เพราะตัดสินกันไม่จบ เนื่องจากตัดสินแล้วไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ และเชื่อว่าตอนนี้สังคมก็กำลังมีคำถามนี้

 

 

 

ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นในทางการเมือง และทำให้การเมืองขาดเสถียรภาพ เหมือนประเทศที่ไร้วิญญาณ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศให้มีความเติบโต คงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะนักลงทุนที่ไหนจะอยากมาลงทุน เพราะฉะนั้น คนที่เกี่ยวข้องกับการทำลายเสถียรภาพทางการเมือง ก็ควรเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้น

 

 

 

สำหรับกรณีที่มีนิสิตนักศึกษาของบางสถาบัน เรียกร้องให้ถอดถอนชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน ออกจากการเป็นอาจารย์พิเศษ นายรังสิมันต์ มองว่า เรื่องการตัดสินของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับศาลอื่นๆ ต้องยอมรับว่าเรื่องในลักษณะนี้หรือเรื่องจริยธรรม เป็นสิ่งที่มีทั้งคนเห็นด้วยแล้วคนไม่เห็นด้วย

 

 

แน่นอนว่าประชาชนจำนวนมากมองว่า พรรคก้าวไกลไม่ควรจะถูกยุบ เพราะการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีการแก้ไขมาก่อน และไม่มีอะไรที่เขียนว่าห้ามแก้ ซึ่งเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็ทำให้เกิดคำถามตามมา ยิ่งไปกว่านั้นการตัดสิน 9:0 ทำให้เกิดคำถามเรื่องความโปร่งใสในการตัดสิน เพราะหากเทียบกับการตัดสินอื่นๆ ยากมากที่จะหาฉันทามติแบบนี้ คงมีประชาชนส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่า อยากจะทำอะไรที่สามารถทำได้ และเป็นภาพสะท้อนจากนิสิตนักศึกษาที่ไปเข้าชื่อถอดถอน

 

 

กรณีที่ตุลาการระบุว่า พรรคควรขอบคุณ นายรังสิมันต์ ”หัวเราะ“ ก่อนจะกล่าวว่า เราคงขอบคุณไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรพูดคุยกันแบบจริงจังดีกว่า การใช้ประโยคแบบเยาะเย้ยถากถาง เป็นการพูดที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพในอำนาจของประชาชนเลย และตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรอะไรก็แล้วแต่ หรือจะมีที่มาอย่างไร ตามรัฐธรรมนูญ แต่ตนอยากให้ทุกคนเคารพในอำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชน

 

 

 

”อย่างน้อยมีความเคารพกันบ้าง ผมเข้าใจเกมการเมือง ผมเข้าใจเรื่องความพยายามที่จะทำลายพรรคก้าวไกลจากฝ่ายต่างๆ แต่ขอยืนยันว่า ไม่ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกล แต่ช่วยเคารพอำนาจของประชาชนบ้าง อย่าให้การใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติในสังคมเลย”

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube