กมธ.ทหาร กัดไม่ปล่อย เอาผิดผู้บังคับบัญชา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย “วิโรจน์” หวัง รมว.กห.คนใหม่ จะจริงจังกว่านี้ ยุติความรุนแรงในค่ายทหาร
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศา สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการทหาร กล่าวว่า แม้ว่าทางค่ายทหารจะปฏิเสธที่จะเข้ามาชี้แจง แต่ก็มองว่า ไม่ใช่เรื่องที่ กมธ.จะต้องประวิงเวลา เพราะวันนี้ก็ได้เชิญ สำนักอัยการสูงสุด สำนัก และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้ามาพูดคุย และจากการ ข้อเท็จจริงที่แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจง ทราบว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการเอาผิดกับผู้บังคับบัญชา ในข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แต่จากการดูผลการชันสูตร
ก็ทราบว่าอวัยวะภายในบอบช้ำ กระดูกสันหลังหักและกระดูกหักหลายซีก จึงไม่น่าใช่แค่การทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต แต่เป็นเหมือนการพยายามฆ่า ซึ่งหากจำได้ โครงการที่ กมธ.การทหารให้ความสำคัญอย่างมาก และถึงขั้นขอความร่วมมือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ นายสุทิน คลังแสง ในขณะนั้น และมีการประชาสัมพันธ์ร่วมกัน ในโครงการพลทหารปลอดภัย ซึ่งมีความตั้งใจว่า จะไม่มีการตายของกำลังพลในปีนี้เลย การกระทำแบบนี้จึงเป็นการเย้ย ไม่กลัวเกรงต่อกฎหมาย และคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้
ทั้งนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไรนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนต่อไป จะต้องจริงจังกว่านี้ เพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจจะไม่ได้เป็นความผิดปกติของค่ายทหารนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี เขาทราบว่าพลทหารที่เสียชีวิตได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ตั้งแต่เดือนมิถุนายนและเพิ่งจะมาเสียชีวิตในเดือนสิงหาคมแต่จากข่าวก่อนหน้านั้นก็มีการทรมานและบังคับให้นายสิบ เกิดอาการฮีทสโตรก มาแล้ว
ซึ่งเหตุการณ์สองเหตุการณ์เกิดไล่เลี่ยกันที่ค่ายจังหวัดชลบุรี สะท้อนถึงความหย่อนยานปล่อยประละเลยของผู้บังคับบัญชาประจำค่าย ซึ่งกรรมาธิการการทหารได้แจ้งไปแล้วว่า จะใช้กลไกทางกฎหมายใน พ.ร.บ. การอุ้มหาย โดยจะมีการชี้เบาะแสให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ฝ่ายสำนักการสอบสวน สำนักอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินคดี และตนยืนยันว่าตามกฎหมาย พ.ร.บ.อุ้มหาย ทหารที่ก่อเหตุจะต้องขึ้นศาลยุติธรรม และศาลอาญาทุจริตด้วย ซึ่งหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมให้กับพลทหารที่เสียชีวิตและครอบครัวได้อย่างมากแน่ๆ
นายวิโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า ตนมองว่า ควรจะต้องยุติความรุนแรงในค่ายทหารได้แล้ว ความมีวินัยและความเข้มแข็งของพลทหารไม่ต้องแลกมาด้วยกันซ่อมวินัย หรือทารุณกรรม ซี่โครงที่หักตามที่ดูข่าวอวัยวะภายในหลายแห่งบอบช้ำ เรียกว่าการซ่อมวินัยหรือไม่ มันคือการซ้อมทรมานชัดๆ และยืนยันว่า ระดับผู้บังคับบัญชาต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในมาตรา 42 ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย จะปฏิเสธ ไม่ได้อย่างน้อยกองทัพภาคที่หนึ่งก็รับ ข้อเท็จจริงไปแล้วส่วนหนึ่ง ว่ามีการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
แต่ผลจากการชันสูตรทางการแพทย์ไม่ใช่เพียงการทำร้ายร่างกายตามปกติ เพราะมีร่องรอยที่สะท้อนถึงความบอบช้ำที่เกินกว่ามนุษย์คนหนึ่งจะรับไว้ และที่สำคัญพลทหารที่เสียชีวิตไม่ได้จับใบแดงมาเป็นทหารแต่เขาอยากเป็นทหารและสมัครใจ ตนจึงต้องตั้งคำถามกับกองทัพว่า คุณทำกับคนที่เขาสมัครใจมาเป็นทหารอย่างนี้ได้อย่างไร หากคุณดูประวัติของพลทหารเสียชีวิตจะพบว่า เขาอยากเป็นทหารมากๆและมีน้ำหนักตัวเกินก็จึงไปฟิตร่างกาย เพื่อจะได้สมัครเป็นทหาร แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้และคิดว่าโครงการที่คุณจะรณรงค์ให้คนสมัครใจมาเป็นทหาร จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews