Home
|
ข่าว

“ธนกร” ฝากรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาสินค้าต่างชาติทะลักไทย

Featured Image

 

 

 

“ธนกร” ฝากรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาสินค้าต่างชาติทะลักไทย ทำปิดกิจการ-เลิกจ้างแรงงาน แนะ ติดเครื่องช่วยปั๊มหัวใจ SMEs ด่วน ยอมรับ น่าห่วง หลังพบสถิติโรงงานทยอยปิดตัว หวั่น ปล่อยไว้นานเศรษฐกิจฟื้นยาก ขอฝ่ายค้าน เพลาการเมืองช่วยประชาชนดีกว่า

 

 

 

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ได้ทราบถึงข้อเสนอที่สภาอุตสาหกรรม ยื่นต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว รู้สึกเป็นห่วงภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการตั้งแต่รายย่อย SME ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ช่วงหลังเจอกับปัญหาสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ทะลักเข้ามาในประเทศไทย ตีตลาดจนส่งผลให้โรงงาน และSME ประสบปัญหาหนักมาก

 

โดยพบว่าตั้งแต่เดือนม.ค.-มิ.ย.67 มีโรงงานปิดตัวไปแล้ว 667 แห่ง ขณะที่อุตสาหกรรมใหม่ที่เข้ามาเป็นโรงงานขนาดใหญ่ของต่างชาติเกือบทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการไทยเกิดการแข่งขันได้ยาก ทยอยปิดกิจการ ปิดโรงงานลงต่อเนื่อง และเกิดการเลิกจ้าง

 

ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ พบกับภาวะตกงานสูงขึ้นตามมา จึงขอให้รัฐบาล มีมาตรการแก้ไขและป้องกันสินค้าจากต่างประเทศทะลักเข้ามา พร้อมทั้งกำกับดูแล บังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มข้นให้อยู่ในกรอบข้อตกลงระหว่างประเทศ

 

ซึ่งรัฐบาลควรเร่งออกมาตรการป้องกันและแก้ไข เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ภาคเอกชนทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย เรื่องสภาพคล่อง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ไม่เอื้อทุนต่างชาติ ที่มักฉวยโอกาสช่องว่างของกฎหมายเข้ามาทุบกิจการ

 

ทุบตลาดภายในประเทศ เพราะถ้าปล่อยไว้นานวัน ยิ่งทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียนในประเทศหายไปมหาศาล โอกาสที่จีดีพีจะฟื้นตัวตามเป้าจะเป็นไปได้ยากมากขึ้น

 

ทั้งนี้ ขอฝ่ายค้านช่วยเพลาๆ เรื่องการเมืองไว้ก่อน หันมาช่วยประชาชนที่กำลังเดือดร้อนดีกว่า เพราะมีทั้งปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ และตอนนี้ยิ่งเจอสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำเข้ามาอีก จึงขอเอาใจช่วยรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาที่กำลังรุมล้อมรอบด้าน

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube