ครม.เห็นชอบ ตั้ง “ศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย” เตรียมชงครม.ใหม่ บรรจุ ยกเป็นวาระแห่งชาติ เผย ดูแลน้ำท่วมเร่งด่วน ใช้งบฯ ทดลองจ่าย 20 ล้านบาท ดำเนินการ
น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมหารือถึงสถานการณ์น้ำ ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างกว้างขวางในขณะนี้ โดยสถานการณ์เกิดขึ้นซ้ำซาก เรื้อรัง การบริหารจัดการน้ำ และการกักเก็บน้ำในภาคเหนือ ทำให้มีปัญหาน้ำท่วมทุกปี ต้องช่วยเหลือผู้ที่ลำบากทุกปี โดยเฉพาะในปีนี้มีมวลน้ำปริมาณมากและสถานการณ์ฝนตกมีความแตกต่างจากที่ผ่านมา โดยจะตกเป็นจุดๆที่เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ที่กระทบโดยตรงและจะยิ่งหนักขึ้นทุกวัน จึงต้องมีแผนรองรับในการแก้ปัญหา แบ่งเป็น3ระดับ คือ เฉพาะหน้าระบายน้ำไม่ให้ลุกลาม , หลังน้ำลด คือ การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และการแก้ปัญหาในระยะยาวที่ต้องยกเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อมี ครม.ชุดใหม่แล้ว จะบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
ที่ประชุมคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมบางพื้นที่คลี่คลายแล้ว แต่บางพื้นที่ยังหนัก เช่น จ.สุโขทัย เป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนระบายสู่จังหวัดต่างๆเนื่องจากคันกั้นน้ำไม่สามารถรับได้ เกิดพังทลาย และมีปัญหาการเวนคืนที่ดิน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว
น.ส.นัทรียา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบจัดตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย เพื่อให้เป็นเอกภาพในการแก้ปัญา มีคณะกรรมการ การใช้งบประมาณ และอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน โดยมีนายภูมิธรรม เป็นประธาน ส่วนรองประธานประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรองประธาน และคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งภารกิจเป็น 2.ส่วน คือ 1.การบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ การแจ้งเตือน ให้ทราบข่าวว่าน้ำจะมาช่วงใดเพื่อไม่ให้เกิดความตระหนก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คำนวณและยืนยันว่าน้ำจะไม่ถึงสถานการณ์ปี 2554 มีร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ดูแล 2. การดูแลช่วยเหลือประชาชน
มีรมว.เป็นหลักในการบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน สำหรับงบประมาณ จะใช้จากงบประมาณ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีกรณีฉุกเฉิน น.ส.นัทรียา กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่บางจังหวัดประกาศพื้นภัยพิบัติ จะใช้งบทดลองจ่าย จำนวน 20 ล้านบาท หากไม่เพียงพอต้นสังกัดจะขอมาที่งบกลางเพื่อพิจารณา แต่เมื่อมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้วการดำเนินการทุกอย่างจะต้องรวดเร็วตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คณะกรรมการ มีหน้าที่ป้องกัน แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟู ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในรายจังหวัดนั้น เช่น จ.น่านสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไปแล้วจะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู ส่วนจังหวัดที่น้ำยังมาไม่ถึงจะป้องกันอย่างไร เช่น จ.นครสวรรค์ หรือต่ำกว่านั้น ต้องหามาตรการป้องกัน แก้ไขไม่ใช่ทำงานเชิงรับ”น.ส.นัทรียา กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews