นายกฯ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน เน้นย้ำปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค โควิด ด้วย D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ยังมีไม่น้อยที่การ์ดตก
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยขอให้มีการเน้นย้ำ มาตรการป้องกันโรค โควิด อย่างเต็มขีดความสามารถ คือ D – Distancing – เว้นระยะระหว่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M – Mask wearing – สวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ตลอดเวลา H – Hand washing – ล้างมือบ่อย ๆ จัดให้มีจุดบริการเจลล้างมือ อย่างทั่วถึง เพียงพอ T – Testing – ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจหาเชื้อโควิด -19 (เฉพาะกรณี) T – Thaichana – ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำหน่วยงานต่าง ๆ ตรวจกำกับดูแลกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีมาตรการ ดังนี้ “ทุกพื้นที่”
1) เน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 (D-M-H-T-T)
2) ขอความร่วมมือหรือพิจารณาให้หยุดดำเนินกิจการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ “พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ” ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาปิดสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ตามขนาดพื้นที่ และระยะเวลาที่เห็นเหมาะสม ตามระดับของสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อในพื้นที่ และเนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อในประเทศจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในขีดความสามารถทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สามารถควบคุมได้ แต่ผู้ที่คาดว่าติดเชื้อกระจายตามพื้นที่ทั่วไป เนื่องจากมีการสัญจรไปมาระหว่างพื้นที่
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เพื่อให้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิผลเต็มขีดความสามารถ ดังนั้น การเดินทางสัญจรในห้วงเวลานี้ ขอให้เน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 (D-M-H-T-T) อย่างเคร่งครัด
และในกรณีที่บุคคลใดทราบว่าตนเองได้เคยเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อ ขอให้กักกันตนเองและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น เป็นระยะเวลา 14 วัน หากพบว่ามีอาการผิดปกติขอให้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลใกล้บ้านและให้ข้อมูลที่แท้จริงกับแพทย์
สำหรับแนวทางในการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้เน้นแบบฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” เน้นวัฒนธรรม ประเพณี การท่องเที่ยวและสุขภาพ งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และมีการสัมผัสกันใกล้ชิด ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมสงกานต์ต้องสอดคล้องกับแนวทางมาตรการเทศกาลสงกรานต์ 2564 ของ ศบค. ยึดตามมาตรการ D-M-H-T-T ดังนี้
1) การจัดพิธีรดน้ำดำหัว หลีกเลี่ยงการจัดในที่คับแคบหรือห้องปรับอากาศ จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดของสถานที่ 1 คน ต่อ 1 ตารางเมตร เรียงแถวเข้ารดน้ำเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และสวมหน้ากากอนามัย
2) การจัดงานสงกรานต์ จัดในพื้นที่โล่งแจ้ง จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดของสถานที่ 1 คน ต่อ 1 ตารางเมตร งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ได้แก่ งดการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ หรือสัมผัสกันใกล้ชิด ได้แก่ งดประแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม หลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยง และสังสรรค์ ในกลุ่มที่มาจากหลากหลายพื้นที่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนยึดแนวคิด “สงกรานต์วิถีใหม่” มาปฎิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน ตามมาตรการเทศกาลสงกรานต์ 2564 ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.
“เฉลิมชัย” พร้อม ส.ส. ปชป.กักตัว 14 วัน หลังร่วมยินดีวันเกิด พรรคภูมิใจไทย
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมเพื่อน ส.ส. ประกาศขอกักตัว 14 วัน เนื่องจากเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับพรรคภูมิใจไทย ในวันครบรอบวันก่อตั้งพรรค โดยเดินทางไปพร้อมกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
โดยมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมเดินทางไปด้วย คือ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา และนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งหมด ขอกักตัว 14 วัน โดยไม่เข้าร่วมประชุมร่วมรัฐสภา
ศบค.มท. สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เข้มงวดมาตรการป้องกันโควิด เน้นย้ำปฏิบัติมาตรการ D-M-H-T-T พร้อมสร้างการรับรู้แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus แก่ผู้ประกอบการ
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 64 ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธาน มีประเด็นข้อสั่งการ/ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย และในการประชุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย.64
ได้มีการพิจารณากรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสถานบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำจังหวัดให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 18) ข้อ 11 การดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคและการจัดระเบียบและปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดถือปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ดังกล่าว โดยให้มีการตรวจสอบการใช้อาคารสถานที่และการดำเนินการของเจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่ ให้เป็นไปตามแนวทางมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ มาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ ที่ทางราชการกำหนด และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T โดยเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนด้านเมียนมา 10 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง กำชับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาแจกจ่ายวัคซีนไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสคนจำนวนมากในบริเวณชายแดนและด่านชายแดนเป็นลำดับแรก
และได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เร่งตรวจสอบสถานประกอบการ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมประชาสัมพันธ์แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus ให้สถานประกอบการ กิจการ กิจกรรม มีมาตรการป้องกันให้ครบถ้วนตามเกณฑ์การประเมิน Thai Stop COVID Plus รวมทั้งรณรงค์ให้มีการล้างทำความสะอาดสถานที่ชุมชน ที่สาธารณะด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news