Home
|
ข่าว

นายกฯแพทองธาร แถลงนโยบายผ่าน 10 นโยบายเร่งด่วน

Featured Image

 

 

 

 

นายกฯแพทองธาร แถลงนโยบาย ยกเจตนารมย์รัฐบาล มุ่งมั่น สร้างความสามัคคี-ปรองดอง สร้างโอกาสให้กับคนไทยผ่าน 10 นโยบายเร่งด่วน จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็ว

 

 

 

 

 

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เวลา 09:11 น. ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาเป็นประธานในที่ประชุม โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา

 

โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า คณะรัฐมนตรีขอแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงเจตนารมณ์ ยุทธศาสตร์ และนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคี ปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และจะนำไปสู่ความร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาวไทยทุกคน

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญว่า ประเทศไทยเผชิญความท้าทายอยู่หลายประการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่โตน้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้นปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมและการเมือง ทั้งหมดนี้รัฐบาลพร้อมจะประสานพลังกับทุกภาคส่วน เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น

 

“ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม” ของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม รัฐบาลพร้อมเสริมศักยภาพ สร้างโอกาสให้ประชาชนทั้งบทบาทและสิทธิเพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหาที่รุมเร้าและนำพาให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

 

นายกรัฐมนตรี ได้ยกความท้าทาย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่โตน้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อม และ สังคมและการเมือง ทั้งหมดนี้คือ “ความท้าทาย” ที่รัฐบาลพร้อมจะประสานพลังกับทุกภาคส่วน เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาค ทางเศรษฐกิจและสังคม” ของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายสำคัญเร่งด่วนเพื่อการเดินหน้าบริหารประเทศ 10 ข้อ ที่จะดําเนินการทันที ดังนี้

 

1) ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ

 

2) ดูแลและส่งเสริมพร้อมกับปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs

 

3) เร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค อัตราค่าโดยสารร่วมรองรับนโยบาย “ราคาเดียวตลอดสาย”

 

4) สร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนําเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี และนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา อุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน ฯลฯ

 

5) เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้ความสําคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก ผลักดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” (Digital Wallet) ซึ่งเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ

 

6) ยกระดับการทําเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ฟื้นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก

 

7) ส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อการปรับโครงสร้างการตรวจลงตราทั้งหมดของประเทศ

 

เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า (วีซ่าฟรี) นำเทศกาลระดับโลกมาจัดในประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระจายรายได้

 

8) แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร

 

9) เร่งแก้ปัญหา อาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และ

 

10) รัฐบาลจะส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ และจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจให้แก่คนทุกกลุ่ม เป็นต้น

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นโยบายรัฐบาลซึ่งเป็นแผนระยะยาวเพื่อการวางรากฐานและฟื้นโอกาสให้กับประเทศ อาทิ ยานยนต์แห่งอนาคต ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้มาตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง, ส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์และส่งออก ซอฟท์พาวเวอร์, เศรษฐกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล

 

ดึงดูดต่างชาติเพื่อตั้งดาต้าเซนตอร์, โรงงานผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ และวางรากฐานการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI, การสนับสนุนระบบเศรษฐกิจสีเขียว, ศูนย์กลางการเงินระดับโลก, ขยายเศรษฐกิจสุขภาพและการแพทย์, ระบบสาธารณูปโภคคุณภาพ, พัฒนาด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ,การสร้างศูนย์กลางและระบบคมนาคม (Logistics Hub) ผ่านโครงสร้างคมนาคมขนาดใหญ่

 

และขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์, การแก้ปัญหาที่ดินทำกินด้วย One Map, จัดการคลื่นความถี่และสิทธิในวงโคจรดาวเทียมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ เพื่อนำไปสู่การทำ Negative Income Tax ที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับ “เงินภาษีคืนเป็นขั้นบันได” ตามเกณฑ์ที่กำหนด

 

นอกจากนี้ยังมีแผนนโยบายเพื่อฟื้นโอกาสประเทศ อาทิ ส่งเสริมการเกิดและเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพ, OFOS ยกระดับทักษะ ปลดล็อกศักยภาพไทย, 30 บาทรักษาทุกที่ และการฉีดวัคซีนปากมดลูก,ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ, การเร่งทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น, การพื้นฟูหลักนิติธรรมและความโปร่งใส, การปฏิรูประบบราชการและกองทัพ ลดขนาด

 

เพิ่มประสิทธิภาพเปลี่ยนผ่านราชการไทย สู่ Digital Government, การยกระดับการบริการภาครัฐให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน เปลี่ยนรัฐปกครองเป็นรัฐสนับสนุน ลดกฎหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็น

 

ในด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งแก้ PM2.5 ฟื้นฟูธรรมชาติ อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาสมดุลของระบบนิเวศท้องถิ่น, ฟื้นบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง รวมถึงนำประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

 

ส่วนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง รวมถึงสานต่อการฑูตพาณิชย์เชิงรุก แก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งระบบทวิภาคี (Bilateral) และพหุภาคี (Multilateral) และเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอกับประเทศคู่ค้าสำคัญ และเตรียมเข้าเป็นสมาชิก OECD เป็นต้น

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

ในนามนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ในนามรัฐบาล ดิฉันขอให้ความมั่นใจ กับรัฐสภาแห่งนี้ว่า จะตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งประสานพลังจากทุกภาคส่วน จากทุกช่วงวัย จากทุกความเชี่ยวชาญ ขับเคลื่อนนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเพื่อตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบันให้สำเร็จ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า

 

เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักด์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย เพื่อสร้างความหวังและอนาคตที่ดีกว่าให้ประเทศไทย จากวันนี้ไปถึงอนาคต

 

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตนายกรัฐมนตรีใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบในการแถลงนโยบาย และอ่านตามคำแถลงทุกตัวอักษร นอกจากนี้ ยังได้หยุดดื่มน้ำเป็นระยะ และระหว่างการแถลงนโยบายของ น.ส.แพทองธารมีการพูดถึงการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจ

 

โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรก แต่ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการแจกเงิน และสุดท้ายนายกรัฐมนตรีได้ย้ำคำเดิมที่เคยหาเสียงไว้ว่า จะทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แม้คำนี้จะเป็นคำที่โลกโซเชียลมีเดียหยิบมาล้อเลียนเสมอ

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube