“ขัตติยา” ป้อง นายกฯ ลั่น ไม่ใช่คำพูดล้อเล่น “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ชี้ นโยบายรัฐบาลครบถ้วน-เป็นระบบ เปรียบ 1 ปี “เศรษฐา” เหมือนปรับหน้าดิน หลังจากนี้ 3 ปี หว่านเมล็ด-รดน้ำ-พรวนดิน
การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลุกอภิปรายเป็นคนแรกของฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลว่า เหตุการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากทั่วโลกว่า สภาวะสุญญากาศทางการเมืองนี้ จะทำให้นโยบายต่างๆ ที่ได้เริ่มไว้ของนายเศรษฐาต้องยุติลงหรือไม่ แต่มาในวันนี้ ตนมั่นใจว่า หลังจากที่พี่น้องประชาชนและนักลงทุนจากทั่วโลกแต่เห็นรายชื่อของคณะรัฐมนตรี และได้ฟังคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี ย่อมเกิดความมั่นใจได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้ จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ จะรับไม้ต่อจากรัฐบาลชุดก่อนแล้วจะสร้างนโยบายใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและจะสร้างผลสำเร็จให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างแน่นอน ตนอยากจะเรียกความต่อเนื่องว่า 1 ปีซ่อม 3 ปีสร้าง วางรากฐานโอกาสไทย
ทั้งนี้ 1 ปี ซ่อมของนายเศรษฐา เหมือนกับการปรับหน้าดินที่มีปัญหาให้กลับมาเป็นเนื้อดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการเตรียมหน้าดินให้พร้อมกับการลงเมล็ดพันธุ์ใหม่ ในการเพาะปลูกครั้งต่อไป 3 ปีสร้างที่จะเกิดขึ้นกับน.ส.แพทองธารกับเปรียบเสมือนการหว่านเมล็ด ใส่ปุ๋ย รดน้ำและพรวนดิน เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตให้กับเมล็ดพันธุ์ที่รัฐบาลชุดนี้จะทำ การเพาะปลูกลงไป และเตรียมรอรับดอกผลการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ย้อนกลับไปในสมัยปี 2544 เพิ่งผ่านต้มยำกุ้งมาไม่นาน ซึ่งต้องยอมรับว่า วิกฤติเศรษฐกิจสมัยนั้น มันไม่ได้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างเท่ากับสมัยนี้ ซึ่งตอนนี้ส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยที่เป็นฐานพีระมิดของระบบเศรษฐกิจไทย ขาดกำลังจับจ่ายใช้สอย ค่าแรงหรือรายได้โตไม่ทันกับรายจ่ายที่สูงขึ้น ไม่สามารถออมเงินได้ มีหนี้เรื้อรัง และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ เกิดหนี้เสียสูงขึ้น
เศรษฐกิจไทยมักพึ่งพิงจากภายนอก แต่ในวันนี้ตัวเลขการส่งออกการท่องเที่ยวถดถอยลง แต่การบริโภคภายในประเทศกลับไม่สามารถที่จะทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์หลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ไปข้างหน้าได้
ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ถดถอยลง ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยเกือบได้เป็นเสือที่ 5 ของเอเชีย มาวันนี้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลออกนอกประเทศ แม้การจัดอันดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเราจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่เมื่อไปดูอันดับโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการศึกษาที่เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน อันดับส่วนนี้กลับอยู่ในอันดับที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เรายังไม่รับวิกฤติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นวิกฤติรอบด้านที่รัฐบาลต้องเผชิญเป็นโจทย์ที่ยากกว่าในอดีต หากรัฐบาลทำสำเร็จ ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ เจตนารมณ์ทางการเมือง รวมทั้งพลังสนับสนุนจากประชาชนมากยิ่งกว่ารัฐบาลในอดีตเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้สำเร็จ แม้ภารกิจในการซ่อมเพื่อพาประเทศออกจากวิกฤติครั้งนี้จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน เราได้เห็นการปรับหน้าดินเพื่อซ่อมแซมและเตรียม
ความพร้อมให้กับประเทศจะมีความคืบหน้าไปแล้วหลายด้าน ทำให้ประเทศไทยที่เหมือนคนป่วยมานานกลับมามีแรงเดินหน้าต่อ จึงนับว่าเป็น 1 ปีในการปรับหน้าดินสังคมไทย เพื่อให้พร้อมรองรับต่อการยกระดับศักยภาพของประเทศ
ขณะเดียวกันขอชื่นชมคำแถลงของนายกรัฐมนตรีแพทองธารว่าเป็นการวางนโยบายได้เป็นระบบ ครอบคลุมและรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งนโยบายตามความเร่งด่วนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว มีการต่อยอดนโยบายเดิมและเพิ่มเติมนโยบายใหม่ มีทั้งนโยบายที่เป็นกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าไปจนถึงนโยบายที่ปรับโครงสร้างและวางรากฐานใหม่ใหม่มี ทั้งนโยบายที่เป็นระดับบนระดับล่าง
น.ส.ขัตติยา กล่าวช่วงหนึ่งว่า มีคนนำไปพูดล้อเลียนตลกว่า “อยากเห็นคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี คิดว่า หากเรามองประโยคนี้ ด้วยใจเป็นธรรม ละความอคติและความเกลียดชังทางการเมือง เราจะพบว่าประโยคดังกล่าวมันไม่ใช่คำพูดล้อเล่น ไม่ใช่เรื่องตลกขบขัน แต่จริงๆ แล้วประโยคนี้มีหลักการ 3 ข้อด้วยกัน ที่สะท้อนถึงความฝันของการอยากเห็นสังคมที่ดีสังคมที่น่าอยู่ และเป็นธรรม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews