Home
|
ข่าว

“สุริยะ” ยันแก้สัญญารถไฟเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไม่เอื้อประโยชน์ใคร

Featured Image

 

 

 

 

“สุริยะ” ยันแก้สัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไม่มีเอื้อประโยชน์ แจงโควิดทำรัฐ-เอกชน ผิดสัญญา เล็งผู้รับเหมาต้องวางหนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร หวั่นทิ้งงาน พร้อมจ้างรายอื่นสร้างต่อทันที เชื่อทำความเข้าใจพรรคร่วมได้

 

 

 

 

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) ว่า วันนี้ยังไม่เข้าศูนย์ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา พร้อมยืนยันว่า การแก้ไขสัญญาเกิดจากเอกชนและภาครัฐผิดสัญญา

 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของชุดไวรัสโควิด-19 ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า รัฐบาลไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนได้ ขณะที่เอกชนก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงเป็นต่างคนต่างผิดสัญญา จึงต้องพิจารณาใหม่ เนื่องจากเป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ชาติ

 

ซึ่งหากเชื่อม 3 สนามบินจะทำให้ประชาชนเดินทางสะดวก การค้าขายดีขึ้น จึงต้องเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป จึงต้องมาพิจารณาร่วมกันในการแก้ไขสัญญา เพื่อไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ โดยสัญญาเดิมจะให้เอกชนสร้างจนเสร็จ และหลังจากนั้น 10 ปีรัฐบาลจะค่อยชำระเงิน

 

ขณะที่สัญญาใหม่จะให้เอกชนนำเงินมาวางค้ำประกันจากธนาคารเพื่อการันตี และเมื่อสร้างเสร็จ รัฐบาลจะคืน หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร หรือแบงก์การันตีให้ โดยในการก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ะช่วงจะแบ่งเป็นแต่ละสัญญา หากมีการทิ้งงานรัฐจะนำเงินค้ำประกันจ้างผู้ประกอบการรายใหม่

 

นายสุริยะ ยืนยันว่า ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใหญ่ โดยดอกเบี้ยเอกชนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมระบุว่าไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ได้เนื่องจากสัญญาได้ให้อัยการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยการนำเข้าครมจะผ่าน โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก.หรือ EEC โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบ

 

นายสุริยะ กล่าวว่า จะสามารถทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจในการแก้ไขสัญญาโครงการดังกล่าวได้

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube