นายกรัฐมนตรี ขอประชาชนอย่าประมาทช่วงสงกรานต์ ยันรัฐบาลเดินหน้าทำงานปกติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นโดยที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือกันเป็นอย่างดี และสถานการณ์ต่างๆก็เริ่มคลี่คลายลงทุกคนอยากพักผ่อนท่องเที่ยว ทานอาหารดีๆ คลายความเครียดจากการทำงาน แต่อาจจะประมาทหรือละเลย ว่าทุกนาทีคือความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ทุกเวลา ยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลยังคงเดินหน้าไปตามปกติ ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีระบบต่างๆ รองรับไว้อยู่แล้ว แม้จะเป็นวันหยุดทุกคนก็ทำงาน ซึ่งปัจจุบันการบริหารงานของ ศบค. ยังไม่เปลี่ยนแปลง?เขตพื้นที่สถานการณ์? โดยยังคงมี 3 กลุ่ม คือ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 9 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 14 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 54 จังหวัด เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการวางแผนการเดินทางของประชาชนและผู้ประกอบการที่ไม่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีบทเรียนจากปีที่แล้ว ที่มีการใช้ยาแรง ที่สามารถควบคุมโรคได้ดีแต่มีผลกระทบต่อธุรกิจ และผู้ประกอบการ โดยเฉพาะร้านอาหาร จึงต้องนำมาวิเคราะห์ให้รอบคอบ หาแก้ไขให้ถูกจุดดีที่สุด และต้องเป็นจุดที่สมดุลที่เหมาะสมระหว่างความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชน
สำหรับมาตรการที่ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา หากพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการประเภทผับ บาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวด จะ ต้องปิดสถานประกอบการทันที อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ จนกว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลาย โดยให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้พิจารณา ขณะเดียวกันหน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจกำกับดูแลความเรียบร้อย
นายกฯ ขอความร่วมมือหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน WFH สั่งจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ติดเชื้อโควิด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ถึงความกังวลของประชาชน หลังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ ว่า ล่าสุดมีการรายงานว่า จำนวนเตียงภายในโรงพยาบาลเอกชน เต็มแล้ว จึงได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยให้เพียงพอ ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยเฉพาะ กทม. และผู้ป่วยอาการหนักในโรงพยาบาล หากป่วยไม่มากให้กระจายไปยังโรงพยาบาลสนาม
สำหรับรูปแบบโรงพยาบาลสนามได้กำหนดขึ้นใหม่ เช่น โรงพยาบาลบางขุนเทียน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และพื้นที่สนามกีฬา นอกจากนี้ ยังมีกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีการจัดเตรียมไว้ รวมไปถึงโรงแรมที่ใช้สำหรับกักตัวกลุ่มเสี่ยง หรือ ASQ ที่จะปรับ มาใช้ประโยชน์เป็นโรงพยาบาลสนาม โดยได้มีการกำชับกระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อคเรื่องกฎระเบียบ การรับผู้ป่วยโควิด-19 และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ
พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้มีการ Work from home หรือสลับวันทำงาน เพื่อลดการติดเชื้อ และได้มีการสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หาวิธีการสอนเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา หากมีความจำเป็น
นายกฯ ขอปชช.จัดกิกรรมสงกรานต์ยึดมาตรการ D-M-H-T-T-A หลีกเลี่ยงการสัมผัสจัดในพื้นที่โล่งแจ้งระบายอากาศได้ดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” เน้นย้ำแนวทางการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากมีความเป็นห่วง หากไม่มีความจำเป็นขอให้อยู่บ้าน และใช้เทคโนโลยีสื่อสารให้เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม แม้จะเข้าใจดี ของความรัก ความผูกพัน ของครอบครัวไทย แต่เมื่อเราต้องเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆขอให้สวมหน้ากากอนามัยเว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการสัมผัส ส่วนใครที่ไปในพื้นที่เสี่ยงก็ขอให้หลีกเลี่ยงการพบปะผู้สูงอายุ
ส่วนกิจกรรมการสรงน้ำพระ กิจกรรมทางศาสนา การรดน้ำดำหัวขอพร ผู้ใหญ่ก็ขอให้ยึดมาตรการ? D-M-H-T-T-A และหลีกเลี่ยงการสัมผัสจัดในพื้นที่โล่งแจ้งระบายอากาศดี รวมถึง?หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่คับแคบหรือห้องปรับอากาศ และขอร้องดการรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ ปะแป้ง และปาร์ตี้โฟม สถานที่อโคจรต่างๆ ก็ขอให้งดเว้น ซึ่งเชื่อว่า หากร่วมมือกันทุกคนจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ โดยรัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่ ทุกมาตรการที่ออกไป ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้วย ซึ่งมีทั้งวิกฤตและโอกาส
นายกฯ ยัน รัฐบาลไม่ปิดกันเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด พร้อมสั่งสธ.แรับสัดส่วนจัดสรรวัคซีนที่มีอยู่ให้ตรงกับสถานการณ์ความเสี่ยงให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ถึงกรณีที่กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนเรียกร้องสิทธิให้จัดหาวัคซีนเองได้ นั้น ได้ให้โรงพยาบาลเอกชนมาหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น การนำเข้าวัคซีนของภาคเอกชน จากข้อสรุปได้มีการแบ่งวัคซีนออกมาเป็น 2 กลุ่ม คือ วัคซีนที่รัฐจัดหาให้เพียงพอ เพื่อฉีดให้กับประชาชนฟรี และวัคซีนทางเลือก โดยสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อหาข้อสรุปในการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม ภายใน 30 วัน
นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข ปรับสัดส่วน การจัดสรรวัคซีนที่มีอยู่ให้ตรงกับสถานการณ์ความเสี่ยงให้มากขึ้น เพราะขณะนี้มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วต้องพิจารณาปริมาณวัคซีนที่มีในปัจจุบัน เช่น กรุงเทพฯ ที่ต้องเพิ่มจำนวนผู้ได้รับวัคซีน จึงขอให้นำวัคซีนที่จะมีการนำเข้ามาอีก 1 ล้านโดส ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด้านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึง อสม.ทั่วประเทศ?ให้ครบ100% โดยส่วนที่เหลือให้จัดสัดส่วนที่เหมาะสม ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ทั้งผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยอยากให้มีการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน
ส่วนที่มีเอกชนบางรายมีการโฆษณาให้ประชาชนสั่งจองวัคซีน โดยไม่มีวัคซีนอยู่ในมือ ถือว่าผิดกฎหมายการโฆษณายา ซึ่งเจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบตามกระบวนการ และที่มี โรงพยาบาลเอกชน นำวัคซีนไปฉีดให้กับคนที่อยู่นอกกลุ่มเป้าหมายนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นสมาคมโรงพยาบาลเอกชน มีการปฏิเสธในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ขอกำชับให้ทุกจังหวัดไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
นายกฯ เผย วัคซีน Astrazeneca ป้องกันโควิดได้มากกว่าความเสี่ยงของอาการที่ไม่พึงประสงค์ แต่ต้องมีการปรึกษาแพทย์ อวยพร ปชช. เที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุข
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” กล่าวถึงคุณภาพของวัคซีน ของ Astrazeneca ที่บางประเทศระงับการฉีด นั้น ล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพทางยุโรป ได้มีการประเมินภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และเกร็ดเลือดต่ำ พบว่าวัคซีน astrazeneca ได้ช่วยป้องกัน โรคโควิด 19 ในทุกระดับความรุนแรงได้ โดยมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงของอาการที่ไม่พึงประสงค์ แต่ต้องมีการปรึกษาแพทย์
สำหรับการผลิตวัคซีนภายในประเทศ ที่ดำเนินการโดยบริษัท Siam bioscience ทุกอย่างดำเนินการไปตามแผน และได้ผลดี โดยขณะนี้ได้ทยอยผลิตวัคซีน ที่อยู่ระหว่างการส่งตรวจคุณภาพวัคซีน จะทราบผลภายในเร็วๆนี้ เพราะฉะนั้นจะทำให้แผนการส่งมอบวัคซีน ให้แก่กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ช่วงกลางปีนี้จะทยอยส่งมอบประมาณเดือนละ 5-10 ล้านโดส ซึ่งสอดคล้องกับแผนการฉีดของรัฐบาลที่วางไว้ ทั้งหมดนี้เป็นหลักประกันว่าเราสามารถเข้าถึงวัคซีนในช่วงเวลาที่เหมาะสม และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทั้งในช่วงของการระบาดโควิด 19 และโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้อวยพรประชาชนเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ มีความสุข อย่างพอเพียง ในเทศกาลสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย คิดหวังสิ่งใด ขอให้สำเร็จผสมความมุ่งมั่นปรารถนาทุกประการ และก้าวข้ามผ่านวิกฤตโควิด ด้วยความปลอดภัย มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง แข็งแกร่ง ถ้วนหน้ากัน และร่วมพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news