ครม. เคาะ 2 ร่างกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ หลังมวลชนเรียกร้องสิทธิที่ดินทำกิน ไม่เกินครอบครัวละ 20 ไร่ – โอนให้คนอื่น ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวไม่ได้ ย้ำเพื่อประโยชน์ประชาชน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้หารือกันในเรื่องของกฎหมายรองที่ภายในวันที่ 27 พ.ย.นี้ จะต้องหมดวาระลงและจะต้องรีบออกกฏหมายรองให้เร็วที่สุด แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดและส่งผลกระทบกับประชาชนที่มาเรียกร้องอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล คือร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติตามมาตรา 64 ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพ.ศ.2562
และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตามมาตรา 121 ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2562 ซึ่งร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับมีสาระสำคัญ กำหนดให้มีการอนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าในระยะเวลา 20 ปี
นับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้เพื่อให้ประชาชนอยู่อาศัยและมีพื้นที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งวันที่กฎหมายดังกล่าวบังคับใช้แล้ว แต่กรณีประชาชนจะอยู่อาศัยและทำกินชั่วคราวโดยมีกำหนดพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินโดยกำหนดพื้นที่อย่างชัดเจน โดยไม่มีการขยายพื้นที่อีก
ประเด็นที่ 2 กำหนดให้โครงการในพื้นที่ ตามที่มีการกำหนดแนบท้ายของพระราชกฤษฎีกาให้มีแนวเขตโครงการที่กำหนดไว้ในแผนที่ท้ายจำนวน 6 แห่ง สอดคล้องกับเรื่อง one map ที่ได้ข้อยุติไปแล้ว มีอุทยานแห่งชาติจำนวน 4 แห่งประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์, อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี, อุทยานแห่งชาติเขา 15 ชั้น จังหวัดจันทบุรี, อุทยานแห่งชาติตาดหมอก จังหวัดเพชรบูรณ์และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอีก 2 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดงจังหวัดเพชรบูรณ์ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี
ส่วนผู้ที่จะอยู่อาศัยหรือทำกินภายใต้โครงการจะต้องมีผลสำรวจ โดยผู้ที่มีรายชื่อตามผลสำรวจถือครองที่ดินของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าพันธุ์พืชไม่เกินครอบครัวละ 20 ไร่ ในกรณี 2ครอบครัวขึ้นไปที่ทำกินร่วมกันในสถานที่ทำกินเดียวกันให้อยู่อาศัยหรือทำกินได้ไม่เกิน 40 ไร่
ส่วนผู้ที่อยู่อาศัยหรือทำกินในรูปแบบผู้ครอบครองที่ดิน แบ่งเป็น 1.ผู้ครอบครองที่ดิน 2. สมาชิกในครอบครัวหรือครัวเรือน จะต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่น มีสัญชาติไทย ไม่มีที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัยไม่เคยต้องคำพิพากษาจนถึงที่สุด ในเรื่องของการทำลายป่าหรือ การล่าสัตว์
ทั้งนี้ผู้ครอบครองที่ดินจะโอนการครอบครองหรือยินยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเข้ามาอยู่อาศัย หรือทำกินไม่ได้ ผู้อยู่อาศัยหรือทำกินมีหน้าที่ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติระบบนิเวศน์และความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเรื่องนี้ได้เสนอกฤษฎีกาไปแล้ว และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามนี้แล้ว
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ยังมีปัญหาและข้อขัดแย้งอยู่บ้าง ซึ่งพระราชบัญญัตินี้ได้ใช้มาอยู่ 5 ปีแล้วนี้ เพราะฉะนั้นก็ได้เวลาที่จะทบทวน คณะรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้คณะกรรมการที่ดินแห่งชาติและกระทรวงทรัพย์ฯ ร่วมมือกันในการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวน ดูแลและแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ต่อไป
ส่วนกรณีผู้ไร้สัญชาติที่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวน 4 แสนรายที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับรองแล้วเป็นผู้ที่ได้อยู่อาศัยใน 6 พื้นที่ที่กำหนดส่วนที่เหลือจะดำเนินการต่อไป
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ก่อนจะนำร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีรัฐบาลได้ทำความเข้าใจกับประชาชนที่มาเรียกร้องสิทธิ์ และวันนี้คณะรัฐมนตรีได้ผ่านความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ โดยย้ำว่า รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ เป็นประโยชน์กับประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews