นายกฯ ประกาศมาตรการให้สิทธิประโยชน์นักลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมหนังได้เครดิตเงินคืนเพิ่ม 30% เชื่อ หารือภาคธุรกิจในอเมริกาสร้างงาน-เพิ่มโอกาสให้คนไทยมากขึ้น เตรียมประสานมหาวิทยาลัยชั้นนำเปิดศูนย์วิจัยพัฒนาและเพิ่มทักษะการทำงาน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือกับภาคเอกชนในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกาว่า ได้หารือกับบริษัทเวสเทิร์น ดิจิทัล หรือ ดับเบิ้ลยูดี ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว 2 แห่ง ประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา และปราจีนบุรี ซึ่งจะทำเรื่องฮาร์ดไดรฟ์เป็นหลัก และมีลูกค้า อาทิ Google, Microsoft และ Amazon เป็นต้น แต่มาในครั้งนี้บริษัทดับเบิ้ลยูดีได้ผลักดันเรื่องพลังงานสะอาดเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยที่จะได้ประสานงานและส่งเสริมตรงนี้ให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทดับเบิ้ลยูดีตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2030 จะเดินหน้าการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้นจาก 50% กลายเป็น 100% ทางบริษัทจึงได้ขอความร่วมมือรัฐบาลไทยและบีโอไอให้สนับสนุนในเรื่องนี้ จึงเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดโอกาสการสร้างรายได้ใหม่ๆเกิดโอกาสการจ้างงาน และเกิดงานใหม่ๆให้กับคนไทยแน่นอน แต่การที่จะให้คนไทยไปทำงานในบริษัทเหล่านี้ จะต้องส่งเสริมต่างชาติด้วยในเรื่องของภาษาและทักษะด้วย เพื่อให้ตอนเข้าไปทำงานสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้นและสามารถสื่อสารได้ ฉะนั้นต้องพูดคุยกับมหาวิทยาลัยต่างๆต่อเพื่อให้เรามีศักยภาพที่เพียงพอ
นอกจากนี้ได้พูดคุยกันถึงเรื่องอัปสกิลและรีสกิลด้วย โดยไทยได้บอกไปแล้วว่าต้องการจะขับเคลื่อน 2 สิ่งนี้ เพื่อพัฒนาบุคคลากรในประเทศ ซึ่งไทยมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะอยากให้คนไทยมีทักษะการทำงานเกี่ยวกับสาขาเทคโนโลยี เอไอ และการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นต่อจากนี้จะมีการประสานให้ความรู้ และทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆของประเทศไทยเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา (R & D Center) ร่วมกัน เพื่อสร้างงานและสร้างอาชีพให้กับคนไทย
นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับบริษัทโมชั่น พิกเจอร์ และบริษัทอื่นๆ อาทิ เอชบีโอ, อเมซอน, เน็ตฟลิกซ์, ดิสนีย์ และยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีการลงทุนและถ่ายทำในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยปีที่แล้วปีเดียวมีหนังมาถ่ายที่เมืองไทยถึง 450 เรื่อง
จาก 40 ประเทศ ขณะที่สหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีจำนวน 34 เรื่อง จึงถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ก่อนเปิดเผยว่า วันนี้ไทยได้ประกาศว่ารัฐบาลมีมาตรการให้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของ cash rebate กับภาคเอกชน กล่าวคือ เมื่อมาถ่ายทำในประเทศไทยจะได้รับเงินคืน โดยไทยได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุด 30% จากเดิม 20% และเมื่อได้คุยกับทุกๆบริษัทก็พบว่าทุกคนดีใจมาก เพราะแทนที่จะไปถ่ายทำในประเทศอื่นใกล้ๆเรา กลายเป็นมาลงทุนในประเทศไทยแทน ทางบริษัทต่างๆจึงตื่นเต้นมากในเรื่องนี้ และระบุว่าจะกลับไปบอกคนในธุรกิจของเขา ว่าประเทศไทยมีนโยบายนี้และผ่านแล้ว เพื่อที่ทุกคนจะได้มาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีก ซี่งฟังแล้วก็น่าดีใจ เพราะเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องดี ขณะเดียวกัน ตนก็เชื่อเรื่องนี้ก็จะเพิ่มโอกาสให้กับคนไทยด้วย เพราะจะเกิดการจ้างงานมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนอยากเห็น
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่ารัฐบาลพยายามจะสร้าง Eco system ในเรื่องของภาพยนตร์เหล่านี้ โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเขียนบท การถ่ายทำ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งหมด เพื่อให้ทำงานเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยจะพยายามร่วมมือกันให้คนไทยมีความรู้และมีอาชีพ เพื่อให้สามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ได้พูดคุยกันถึงมาตรการลดขั้นตอนทางกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกและเป็นแรงจูงใจในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า การเดินทางมาเยือนลอสแอนเจลิสในครั้งนี้ รัฐบาลขับเคลื่อนไปหลายอย่าง อาทิ การดึงดูดการลงทุน และยกระดับการพัฒนาศักยภาพของคนไทย ด้วยเหตุนี้ จึงรู้สึกว่าการมาตอกย้ำในเรื่องการลงทุนด้วยตัวเอง ทำให้ภาคเอกชนมั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews