Home
|
ข่าว

ไทยสร้างไทย แถลงการณ์ เตือนรบ.อย่าแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล

Featured Image
ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เตือนรัฐบาลอย่าแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเลในอ่าวไทยโดยมีวาระซ่อนเร้น รับกังวลกับความเห็นของประชาชน ต่อ ปัญหา MOU 44
พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เตือนรัฐบาลอย่าแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเลในอ่าวไทยโดยมีวาระซ่อนเร้น ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีนโยบายเร่งด่วน นโยบายที่ 3 จะเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิ์กับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา สรุปว่า พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกผลประโยชน์ทางทะเลหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้เป็นประธาน JTC นั้น
ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทยรู้สึกกังวลกับความเห็นของประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ต่อ ปัญหา MOU 44 ที่ให้ความสำคัญกับอธิปไตยของประเทศและทรัพยากรทางทะเลในอ่าวไทยเป็นอย่างมาก พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าแม้การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาและมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรมในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลจะเป็นสิ่งที่ดี แต่จะต้องกระทำโดยสุจริตใจของทั้งสองฝ่ายเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ แต่การดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ดูเหมือนจะมีความไม่ชอบมาพากล ดังต่อไปนี้
1.22 สิงหาคม 2567 ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์ทางการเมือง Vision for Thailand 2024 ณ พารากอน ฮอลล์ กทม. โดยหนึ่งในนโยบายสำคัญ ที่ ดร.ทักษิณฯ แนะนำรัฐบาล น.ส.แพทองธารฯ ให้เร่งดำเนินการ คือ เรื่องพื้นที่อ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีประหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Overlapping Claims Area หรือ OCA) ซึ่ง ดร.ทักษิณฯ เห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดน แต่เป็นเรื่องของการนำเอาทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้โดยแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกันฝั่งละ 50% หากไม่เร่งดำเนินการ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ อีกไม่เกิน 20 ปี จะใช้ไม่ได้
2.  12 กันยายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมี นโยบายเร่งด่วน นโยบายที่ 3 ที่จะทำทันที คือ การสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และการเจรจาประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิ์กับประเทศเพื่อนบ้าน (OCA) เพื่อลดต้นทุนด้านการพลังงาน ฯลฯ

 

3. 25 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยย้ำว่าเกาะกูดเป็นของไทย อย่าปลุกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ประเทศ เตรียมนั่งประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ดึงสภาพัฒน์ฯ กฤษฎีกา ร่วมประชุมแบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล

 

4. ก่อนหน้านั้น เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้นำอาวุโสทางการเมืองซึ่งมีอำนาจสูงสุดทางพฤตินัยของประเทศเพื่อนบ้าน คือ สมเด็จฮุนเซน ได้เดินทางมาพบกับ ดร.ทักษิณฯ ที่บ้านพัก ซึ่งขณะนั้นยังมีสถานะเป็นนักโทษ

 

จากกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น อาจทำให้ประชาชนเข้าใจไปได้ว่า มีการหารือตกลงในเรื่องดังกล่าวจนนำไปสู่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นบุตรสาวของ ดร.ทักษิณฯ

 

อย่างไรก็ตาม พรรคไทยสร้างไทยจึงเห็นว่า ยังไม่ควรมีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ในทรัพยากรใต้ทะเลขณะนี้ จนกว่าจะพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทุกอย่างเป็นไปโดยสุจริตใจ ถูกต้อง และเป็นธรรมตามหลักกฎหมายสากล เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่การตอบสนองผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและกลุ่มทุนนิยมพรรคพวก

 

ขณะเดียวกันขอให้นำพระบรมราชโองการที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 18 พฤษภาคม 2516 ในเรื่องดังกล่าวมาเป็นหลักสำคัญในการกำหนดกรอบนโยบายการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะพระบรมราชโองการนั้นได้กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านโดยอาศัยมูลฐานกฎหมายระหว่างประเทศไว้แล้ว และการแบ่งปันผลประโยชน์จะต้องกระทำโดยรอบคอบ ไม่กระทบต่ออธิปไตย ทั้งต้องมีความชัดเจนโปร่งใสว่าเป็นไปโดยสุจริตเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น

 

นอกจากนั้น หากรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาราคาพลังงานที่ประชาชนจำต้องแบกรับภาระในอัตราที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นเช่นในปัจจุบัน ก็จะต้องเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้าให้มีราคาถูกลง ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชนเสียก่อน

 

โดยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งเจรจาเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยข้ออ้างที่ว่าจะได้นำทรัพยากรธรรมชาติทั้งน้ำมันและก๊าซ มาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูก เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลจะไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้เลยหากไม่ดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงในฐานะเจ้าของทรัพยากรของประเทศ

 

ซึ่งขณะนี้กำลังเจ็บปวดและหนักหนาสาหัส กับการที่จะต้องซื้อน้ำมัน แก๊ส และไฟฟ้าใช้ในราคาแพง ทั้ง ๆ ที่ทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานของไทยเรามีอยู่อย่างมากมาย และยังมีเหลือส่งไปขายต่างต่างประเทศ ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่รัฐบาลต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชน มากกว่าทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และกลุ่มทุนนิยมพรรคพวก

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube