คลัง-ธปท. ส่ง 2 มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน-SMEs ดีเดย์เปิดลงทะเบียนลูกหนี้เข้าร่วมโครงการพรุ่งนี้
“พิชัย” เผย อยากเห็นจีดีพีไทยโต 3.5% ในปี 68 วันนี้ (11ธ.ค.67) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมกัน แถลงมาตรการแก้หนี้
โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พร้อมทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่าง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทยสมาคมธนาการไทย (TBA) และสมาคมธนาคารนานาชาติ (A/B) สำนักงานใหญ่ โดยนายพิชัย กล่าวว่า เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และ SMEs เนื่องจากเห็นว่า หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย ทุกภาคส่วนจึงได้ร่วมกันผลักดันมาตรการชั่วคราวเพิ่มเติม
เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs เฉพาะกลุ่ม หลังจากที่วันนี้ ครม.ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว 2 มาตรการ อาทิ มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินหนี้ไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดเงินต้น 1.1 รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ (1) ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี
โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น (2) พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขได้ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ภายใต้มาตรการ ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้
เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น ทั้งนี้ มาตรการแก้หนี้ดังกล่าว จะช่วยเหลือไปถึงลูกหนี้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐด้วย โดยใช้หลักการเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งโครงการนี้ทำให้ทุกคนมีความหวัง แม้เศรษฐกิจไทยในขณะนี้อยู่ในสภาวะซบเซามากกว่า 10 ปี และยังประสบปัญหาเรื่องโควิด ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ได้เท่าที่ควร รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ขณะนี้ จีดีพีไตรมาส 3/2567 เริ่มเห็นแสงสว่าง จีดีพีค่อยๆปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3% แล้ว และลุ้นว่าจีดีพีไตรมาส4/2567 จะเห็นใกล้ๆ 4% รวมแล้วทั้งปี 2567
น่าจะเห็นที่ 2.8% และเห็นว่าปี 2568 จีดีพีไทยน่าจะเพิ่มขึ้นได้อีก แต่แน่นอนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจมันต้องมีหลักฐาน มีมูลเหตุ คือ มีการลงทุน การใช้จ่ายเงิน “การพยากรณ์ไม่ง่าย แต่ถ้าถามผม ปีหน้าจีดีพีผมฝันไปไกลถึง 3.5% แต่จะขยับเป็น 3.5% หรือน้อยกว่านี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่า เศรษฐกิจจะเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ แต่คนในประเทศซึ่งมีปัญหาเยอะ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้คือ กลุ่มครัวเรือน และเอสเอ็มอี เป็นกลุ่มพื้นฐานของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ดังนั้นสิ่งแรกคือ การแก้ปัญหาหนี้ที่มีอยู่เดิมต้องแก้ให้นิ่งก่อน
ให้หนี้ที่มีอยู่เท่าเดิมยังคงเท่าเดิมแต่ภาระการจ่ายลดลง เมื่อหนี้เขาสามารถกลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติได้ เขาจะมีโอกาสเดินหน้าต่อไปได้” ทั้งนี้ เมื่อหนี้ในระบบลดลง รัฐบาลก็มีโจทย์การช่วยเหลือภาคสอง ในการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เรามั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้น จากภาคเศรษฐกิจหลายตัว เช่น การลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เป็นจังหวะดีที่เราจะใส่เม็ดเงินเข้าไป น่าจะเป็นเฟสที่2
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews