“พร้อมพงศ์” บอก “สนธิ” ถ้าปากกล้า ก็อย่าขาสั่น MOU44 ความจริงมีหนึ่งเดียว ชวน ดีเบตกันเลยไหม
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ภายหลังที่นายวรชัย เหมะ อดีต สส.เพื่อไทย และโด่ง อรรถชัย ท้านายสนธิ ลิ้มทองกุล และพวก เปิดเวทีสาธารณะดีเบตกรณี MOU44 เพื่อให้ประชาชนได้เห็นข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย
แต่นายสนธิกับโพสต์ในโซเชียลบอกว่าตนและพวกไม่มีเครดิต ออกอาการแบบนี้ตนว่านายสนธิขาเริ่มสั่นแล้ว ปากกับขาของนายสนธิทำงานสวนกันเสียเหลือเกิน ขออย่ากลัวความจริง แล้วใช้คำพูดด้อยค่าผู้อื่น แล้วคิดไปเองว่าคนที่เค้าได้ยินได้ฟังจะให้ราคา นายสนธิไม่มีราคาแล้วจะไปให้ราคาคนอื่นได้ยังไง นายสนธิเคยถูกจองจำเพราะคดีทุจริตกลับกล้าออกมาเรียกร้องหาความสุจริตยุติธรรม ทุกคนมีสิทธิทำได้ตามรัฐธรรมนูญ
แต่ถามนายสนธิไม่เขินบ้างเลยหรือ ตนและพวกโดนจองจำเพราะคดีทางการเมือง อุดมการณ์มันพาไป ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากว่านายสนธิแน่นอน ความเดือนร้อนความเสียหายไม่เคยสร้าง ทุกปัญหามีทางออก ความเห็นไม่ตรงกันก็ออกมาพูดในมุมของตัวเองให้ผู้ชมผู้ฟังได้รับรู้รับทราบ เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว MOU44 ดีไม่ดีตรงไหน ไม่คิดจะออกมาถ่ายทอดให้ผู้ที่เห็นต่างไม่เห็นด้วยกับท่านฟังบ้างหรือ พูดอะไรก็ถูกไปหมด
นายสนธิคิดว่าตัวเองเป็นใคร พอมีคนท้าให้ออกมาเปิดข้อมูลบนเวทีสาธารณะก็ออกอาการบ่ายเบี่ยงแบบที่เห็น อย่าบิดเบือนความจริง ปิดบังข้อมูล เพื่อหวังผลทางการเมืองเลย คนทุกคนมีเครดิตกันแต่จะมากจะน้อยแตกต่างกันไป สิทธิเท่าเทียม เสรีภาพเท่ากัน ตนรู้ว่านายสนธิกับพวกน่าจะเป็นโรคคลั่งชาติ แต่ก็สงสัยว่าอาการของโรคที่นายสนธิเป็นมันจะไปเว้นวรรคไม่ออกอาการในรัฐบาลที่ผ่านมา แต่จะออกอาการหนักในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเสมอ
จึงอยากถามเหมือนกันว่า “มารักทำไมตอนนี้” ก่อนหน้านั้นมีอะไรอุดปาก อุดความรักชาติของนายสนธิเอาไว้หรือไม่มันถึงได้มาแตกเอาในรัฐบาลนี้ การเจรจาพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเคยมีตัวอย่างและความสำเร็จมาแล้วระหว่างไทยและมาเลเซีย อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร ปี 2512 ไทยและมาเลเซียเคยเจรจากันเพื่อแก้ปัญหา เจรจาต่อเนื่องจนถึงปี 2522 ได้ทำ MOU
เพื่อพัฒนาและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติปิโตรเลียมในพื้นที่ดังกล่าว ปี 2533 มีการลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซีย จัดตั้งองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย มีฐานะเป็นนิติบุคคล รับผิดชอบแทนรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลประโยชน์ผลิต 50:50
จนปี 2548 จึงเริ่มดำเนินการผลิต การเจรจาระหว่างไทยและมาเลเซียในพื้นที่อ้างสิทธิ์และหาประโยชน์ร่วมกันเป็นตัวอย่างที่มีมาแล้ว ไม่มีเรื่องเสียดินแดนใดๆ ไม่มีใครขายชาติแต่อย่างใด
เรื่องเหล่านี้ ตัวอย่างแบบนี้ประชาชนควรได้รับทราบ ไม่เห็นนายสนธิเอามาพูดเลย เลิกทำตัวเป็นศาลเตี้ย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แน่จริงก็รับคำท้าออกมาดีเบตกัน ดีกว่าชวนคนลงถนนสร้างความวุ่นวายเหมือนในอดีต ความเสียหายก็จะเกิด เศรษฐกิจจะพัง สังคมจะแตกแยก อำนาจนอกระบบก็จะเข้ามาแทรกแซง คนตาสว่างกันหมดแล้ว มุ่งหวังอะไรก็หามุขใหม่ๆมาใช้บ้างตนก็อยากฝากไว้ให้คิดกล้าหรือไม่นัดวันเวลามาได้เลย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews