Home
|
ข่าว

พีระพันธ์ุ-อนุทินท้าทายระบบ(ทักษิณ)

 

 

ถูกวิเคราะห์ในหลายวงการเมือง กับ ปรากฏการณ์เมื่อวาน (18ธ.ค.) ว่าเกิดอะไรขึ้นใน “รัฐบาลอิ๊งค์”เมื่อมีการนำร่าง พรบ.ประชามติฯฉบับคณะกรรมาธิการร่วม เข้าสู่การพิจารณาของสภา “วิปรัฐบาล”

 

 

 

มีการประชุมตกลงกันแล้วว่า ให้โหวตไม่เห็นชอบกับร่าง พรบ.ฉบับของ กรรมาธิการร่วมฯเพื่อให้กลับไปใช้ร่าง พรบ.ฉบับแรกที่ผ่านสภาฯ แต่กลับปรากฏว่าผลโหวตที่ออกมาปรากฏร่องรอย“พรรคร่วมรัฐบาล” 2พรรคที่ไปคนละทางกับรัฐบาล โดย “พรรคภูมิใจไทย” ของ “พี่หนูหล่อ-อนุทิน”เป็นหัวหน้าพรรค ที่มีส.ส.อยู่ 69 คน แต่โหวตสวนกับวิปรัฐบาล 59 คน

 

 

 

ส่วนพรรครวมใจสร้างชาติที่มี“พี่ตุ๋ย-พี่ระพันธ์ุ” เป็น “หัวหน้าพรรค” มีส.ส.36 คน โดดร่ม ไม่มาร่วมโหวต 25 คน ที่ในทางการเมืองถือว่าเป็นการแสดงอาการ “แตกแถว” ของพรรคร่วมรัฐบาล อันจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลที่ “ลงเรือลำเดียวกัน”และอาจกระทบต่ออนาคตหากมีการโหวตกฎหมายสำคัญที่หากไม่ผ่าน รัฐบาลต้องรับผิดชอบต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

 

 

 

 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว “เสี่ยหนู” อธิบายตอนหลัง ว่าเป็นจุดยืนของ ภท.ที่เคยแจ้งให้วิปรัฐบาลทราบแล้วว่าแต่ละพรรคขอสงวนจุดยืนในเรื่องกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ภท.ยืนยันมาตลอดว่าไม่ควรให้การ “ประชามติ” ถามความเห็นประชาชน กับเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญของประเทศที่กระทบทั้งในมิติความมั่นคง อธิปไตย ไม่แต่ รัฐธรรมนูญ ไม่ควรจะผ่านไปง่าย ๆจึงควรจะมีการประชามติ2ชั้น ในขณะที่ “พรรครทสช.” มีการอธิบายของ “เลขาขิง” ว่า บรรดา ส.ส. ของพรรคติดการลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมภาคใต้

 

 

 

ที่เหตุการณ์ดังกล่าว แม้ “นายกอิ๊งค์” จะออกแนว “ชิลๆ” กับการที่ ภท.สวนมติวิปรัฐบาลโหวตหนุน“กฎหมายประชามติ2ชั้น” ไม่ใช่ “ปัญหาใหญ่” ในพรรคเดียวกันยังต้องปรับจูนหากแต่ผู้คนในรัฐบาล โดยเฉพาะเพื่อไทย ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรียันส.ส.พากันออกมาเคลื่อนไหวไม่พอใจ เรียกร้องให้มีการคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลที่แตกแถว ที่ปรากฏการณ์นี้สอดรับกับที่ “ทักษิณ” เคยออกมาตะเพิดพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำตัวเป็น “อีแอบ” หนีการประชุม ครม.ยามที่จะมีการขอให้สนับสนุนกฎหมายในที่ประชุมครม.

 

 

โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่เป็น “หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล” ที่หนนั้น “เสี่ยหนู-อนุทิน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ “ทักษิณ” เคยแซวว่า “รีบหล่อ” ออกมาบอกว่าไม่ใช่ตนเองเพราะมาเข้าร่วมประชุมช่วงบ่ายส่วนจะเป็นใครให้นักข่าวไปสืบดูเอง ที่ต่อมามีการจับตาไปที่ “พีระพันธ์ุ” ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมวันนั้น รวมถึงการย้อนภาพกลับไปถึง “ความเห็น” ที่ไม่ตรงกับ “นายกอิ๊งค์” ในนโยบายพลังงาน

 

 

 

อย่างที่ “ตู่-จตุพร” บอก ว่า ในเชิงเรื่อง “ผลประโยชน์” ต้องถือว่า “พีระพันธ์ุ” คือ “ก้างขวางคอ” ที่ใหญ่มากไม่ใช่ก้างธรรมดา แต่เป็นก้างที่ติดแล้วฝังคอ เพราะ “พีระพันธ์ุ” มีความพร้อมทุกอย่างประวัติไม่ด่างพร้อยและไม่สนใจใคร แบบเป็นไงเป็นกัน เอาชาติบ้านเมืองเป็นหลัก อย่างที่เห็น “พีระพันธ์ุ” ไปยกเลิกเรื่องที่“นายกอิ๊งค์”

 

 

 

ประกาศจะไปทลายทุนผูกขาดทั้งหลาย และมองว่า กระแสที่ “พีรพันธ์” กับ กลุ่มทุนขัดแย้งกันนั้น เป็น “ทฤษฎี” เดียวกันกับ การเข้าไปแยก พปชร. ที่กล่มทุนเข้าไปจับ แต่ “พีระพันธ์ุ”เขามีหน้าที่ ตั้งแต่” รุ่นพ่อ” ที่ ทำหน้าที่เรื่องพลังงานเพื่อชาติบ้านเมือง ดังนั้นเขาเป็นคนที่มีเกียรติศักดิ์ศรีทำให้เขาออกมายืนขวางเรื่องพลังงาน รวมถึงอีกหลายเรื่อง ซึ่งการจะเล่นงาน “พีรพันธ์” ก็ไม่ใช่ของง่ายเพราะมีท่วงทำนองแตกต่างจาก “พล.อ.ประวิตร” ที่ตอนนี้เป็นเสือลำบากที่บาดเจ็บ แต่ “พีระพันธ์ุ” มีภูมิต้านทาน” ทางสังคม การไปกล่าวหาอะไรอาจโดนสวนกลับล้มทั้งยืน.

 

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube