“ภูมิธรรม” มอบนโยบาย ตร.มุ่งปราบคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด
“ภูมิธรรม” มอบนโยบาย ตร. เน้นย้ำปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ – ยาเสพติด – ผู้มีอิทธิพล เตรียมคิกออฟ 20 ม.ค.68 “ทักษิณ” ชี้เป้ารังคอลเซ็นเตอร์ บอกตำรวจมีข้อมูลเรื่องนี้แล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการบริหารราชการให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกล่าวว่า วันนี้มาตรวจเยี่ยมสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบและมอบหมายให้ตนมีส่วนเข้ามาดูแลกำกับ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ดูแลความมั่นคงในประเทศเป็นหลัก เป็นเกียรติยศ อย่างยิ่งในชีวิตตนเองถือว่าได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นทางการและได้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ
สิ่งที่มาครั้งนี้ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงภารกิจต่างๆที่ทำ ซึ่งได้เห็นภารกิจที่มีทั้งเรื่องการจัดการแก้ไขปัญหาให้บริการประชาชน รวมถึงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขในการแก้ไขปัญหาทุกด้าน สิ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ตนเคยเข้ามาเห็นว่ามีหลายอย่างที่ทางตำรวจทำทั้งเรื่องการแก้ปัญหา เรื่องการป้องกันชายแดน รวมถึงป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาและเป็นภัยกับประชาชน รวมถึงการบริการต่างๆ เช่น แอพพลิเคชั่นที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจเช็คเรื่องภัยพิบัติที่เกิดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งในและนอกประเทศอย่างที่เพิ่งจับได้เมื่อวันก่อน
ที่สุขุมวิท อีกอย่างหนึ่งคือตำรวจท่องเที่ยวที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา หัวใจสำคัญคือเรื่องความเชื่อมั่น ของประเทศไทยในปัจจุบันถ้ามีความเชื่อมั่นหลายเรื่องเศรษฐกิจต่างๆจากพัฒนาให้ดีขึ้น
นอกจากนี้นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ตนได้มีการมอบนโยบายเพิ่มเติมจากที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือนโยบายของรัฐบาลที่ทางนายกรัฐมนตรีมอบให้ นโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวพันกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้วโดยนายกรัฐมนตรีได้มีการเพิ่ม 3 เรื่อง คือการดูแลประชาชนการจัดการปัญหายาเสพติด และการอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่ของประชาชน และการปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในการดำเนินการต่างๆ
ส่วนตนได้มีการเพิ่มเติม คือ เรื่องการปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เรื่องที่หนึ่งที่จะถือเป็นวาระสำคัญในปีหน้าซึ่งหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยเราจะยึดแนวทางโมเดลของท่าวังผาและธวัชบุรีมาดำเนินการ โดยหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการปราบยาเสพติดคือความร่วมมือกันการบูรณาการของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เรื่องความเคร่งครัดปฏิบัติอย่างเที่ยงตรง
โดยเด็ดขาด และการทำให้เกิดความมั่นใจให้กับประชาชนโดยใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดแต่หามาตรการที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจ และต้องมีการวางมาตรการหรือวัด KPI ในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีรองผู้บัญชาการซึ่งท่านดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว และคิดว่าจะมีการร่วมมือทำงานกันมากขึ้น
เรื่องที่ 2 คือเรื่องปราบปรามผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะอย่างยิ่งปีหน้าเป็นปีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เหตุการณ์ที่เคยเกิดในหลายที่เราจะจัดการอย่างเด็ดขาดขอให้คดีต่างๆสามารถกระจ่างในสายตาประชาชน ส่วนที่อื่นๆต้องมีการป้องกันปราบปรามเพราะเรื่องผู้มีอิทธิพลหลายส่วนไปเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด เรื่องผิดกฎหมาย หรือเรื่องการแย่งชิงผลประโยชน์จนกระทั่งเกิดความเสียหายและสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างๆ
เรื่องที่ 3 ที่ทำต่อเนื่องมาจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีมาจนถึงรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ที่ยังดำเนินการอยู่และอยากทำให้ได้ผลจริงๆคือการแก้หนี้นอกระบบพอเราเห็นว่ามีการใช้อำนาจเรียกดอกเบี้ยจากผู้มีความเดือดร้อนเกินกว่ากฎหมายกำหนดเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำอย่างจริงจังต่อเนื่อง
เรื่องที่ 4 คือเรื่องการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายตามชายแดน อาชญากรข้ามชาติ แรงงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ต่างๆ ซึ่งมี หมายจับคดีเก่าๆอยู่ต้องติดตามเร่งรัดให้เกิดขึ้น ต้องมี KPI ที่วัดได้เพื่อผู้กระทำผิดมาลงโทษ
เรื่องที่ 5 เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการรับเรื่องราวร้องทุกข์ เช่น คดีรถบัสนักเรียนที่มีการเสียชีวิตเกิดความบกพร่องอะไร หรือคดีไอคอนกรุ๊ปขณะนี้อยู่ในมือของดีเอสไอสำนักงานตำรวจแห่งชาติสืบสวนมาตั้งแต่ต้น แต่พอมีผู้เสียหายมากและวงเงินที่เสียหายเยอะต้องเข้าข่ายของดีเอสไอ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งมอบให้กับดีเอสไอแล้วตนได้เรียนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าไม่อยากให้ทิ้ง ซึ่งจริงๆขณะนี้ เราทำงานประสานกันอยู่แล้วทั้ง ป.ป.ง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสุดท้ายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานมอบหมายให้หัวหน้าสถานีตำรวจต่างๆเป็นหน่วยงานด่านหน้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เข้าไปใกล้ชิดกับประชาชนและรับรู้ปัญหา รวมถึงแก้ไขปัญหาซึ่งได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจทั่วประเทศ ให้ทำหน้าที่เป็นด้านหน้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนรับรู้ปัญหาและอำนวยประโยชน์แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ดีขึ้น
นายภูมิธรรม เปิดเผยอีกว่า วันที่ 20 ม.ค.68 ตนเองจะเปิดการคิกออฟเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติดที่ตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล และเรื่องนี้จะเป็นเรื่องทั้งหมดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการ
ส่วนการปราบปรามผู้มีอิทธิพลนายภูมิธรรมจะดูแลเองเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคุยกับรองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ด้วยความรับผิดชอบตนดูแลอยู่แล้วตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ดูฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยที่กำกับ และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหน่วยงานที่ตนเกี่ยวข้อง สามารถครอบคลุมในเครือข่ายทั่วประเทศอยู่แล้ว คิดว่าหลังปีใหม่นี้จะมีความชัดเจนในหลายๆเรื่อง
ส่วนเรื่องการจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชี้เป้าจะมีการต่อยอดดูแลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริงๆเราทำอยู่แล้วทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีทั้งตำรวจตระเวนชายแดนและตำรวจประจำสถานีทุกอำเภออยู่แล้ว ซึ่งเรามีข้อมูลอยู่ ขณะนี้เรามีการรวบรวมข้อมูลจัดระเบียบให้มีความชัดเจนเต็มที่เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน ขณะนี้กำลังปรับปรุงวางระบบซึ่งได้มีการคิดแอพพลิเคชั่นมาช่วยจะเป็นการช่วยลดภาวะที่ประชาชนกำลังเผชิญ อันนี้เราทำอยู่แล้วและจะทำให้ดีขึ้นไปอีก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews