รบ.เดินหน้าเสริมสร้างความมั่นคง ช่วยเหลือประชาชน พร้อมรับมือทุกมิติ
นายกฯให้ทุกหน่วยงานมั่นคง ช่วยเหลือประชาชน ควบคู่เตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามให้ครอบคลุมทุกมิติ มุ่งเสริมสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รายงานการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยปี 2568 นี้ กอ.รมน. มุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และปรับบทบาท ให้สอดคล้องกับปัญหา ความท้าทายในปัจจุบัน เพื่อสร้างโอกาส เพิ่มศักยภาพ เสริมความมั่นคงให้ประเทศยิ่งขึ้นไป
การขับเคลื่อนงานความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เดินหน้าเสริมสร้างความมั่นคงภายใต้แผนงาน “ตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ร่วมกับส่วนราชการกำหนด 1,154 ตำบลตามเป้าหมาย เพื่อมุ่งแก้ไขภัยคุกคามและพัฒนาให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ มีการดำเนินการจัดตั้งหมู่บ้านอาสาพัฒนาตนเอง จำนวน 55 หมู่บ้าน ใน 55 จังหวัด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งรักในถิ่นฐาน พร้อมเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาและป้องกันตนเองในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
การแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดน (นบ.ยส.) ในพื้นที่ภาคเหนือ (นบ.ยส.35) รับผิดชอบพื้นที่ 18 อำเภอ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) รับผิดชอบพื้นที่ 25 อำเภอ ของจังหวัดนครพนม เลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี รวมถึงในปี 68 จะมีการจัดตั้งหน่วย นบ.ยส.17 เพิ่มเติม เพื่อป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกใน 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี
สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กอ.รมน. ได้นำเสนอเรื่องแนวทางการดำเนินการ โดยให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบและมีมติให้ ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก ผอ.รมน. ดำเนินการ ประกอบด้วย การปรับโครงสร้าง อัตรากำลัง และแผนเสริมสร้างสันติสุข ของ จชต. เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์ใน จชต. ในภาพรวมเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ สถิติความเสียหายต่อทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นำไปสู่การยกเลิกพื้นที่ประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นรายอำเภอ
จึงมีการปรับลดอัตรากำลังพล จำนวน 178 อัตรา คงเหลือ 49,735 อัตรา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ อส.จชต. ในปี 2570 พร้อมพิจารณาถึงแนวทางแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2568 ซึ่งปรับให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น มีประชาชนเป็นจุดสมดุล โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพแผนงานหลักในการวางแผน เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหา จชต. เป็นไปอย่างประสานสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews