“ประเสริฐ” ลั่น ถ่ายบัตรปชช.-ใบหน้า ไปขายตลาดมืดผิดกม.
“ประเสริฐ” ลั่น ถ่ายบัตรปชช.-ใบหน้า ไปขายตลาดมืดผิดกม.PDPA โทษปรับสูง พร้อมแนะผู้เสียหายแจ้งความแม้ยังไม่เกิดความเสียหาย คาด พ.ร.ก.ปราบปรามไซเบอร์ อาจเข้า ครม.ทันพรุ่งนี้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงเรื่องของสถานบันเทิงย่านบางใหญ่ถ่ายบัตรประชาชนและใบหน้าของลูกค้า ว่าตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ ถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA หลังปรากฏเป็นข่าวได้สั่งการให้รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC ตรวจสอบและดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีแล้วประมาณ 65 คน พร้อมแนะนำให้ประชาชนที่ไปร้านแห่งนี้ไปแจ้งความไว้ แม้จะยังไม่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันไว้ก่อน เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหายภายหลังได้
โดยหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบย้อนหลังไปว่าสถานบันเทิงดังกล่าวได้ข้อมูลส่วนบุคคลไปมากน้อยขนาดไหน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบต้นตอไปพร้อมกัน โดยมีหน่วยงานที่ตรวจสอบเบาะแสที่มีเครื่องมือร่วมตรวจสอบ และยังมีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามาให้ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. (PDPC) มีหน้าที่และภารกิจดูแลหน่วยงานภาครัฐเป็นหลักแน่พอมีภาคเอกชนเข้ามาก็ต้องร่วมดำเนินการด้วย และต้องยอมรับว่าภาครัฐและภาคเอกชนมีจำนวนมาก บางอย่างรัฐบาลไม่สามารถรับรู้ได้และกฎหมาย PDPA บังคับใช้แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่ต้องคุ้มครองรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
นายประเสริฐ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากสงสัยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองไม่ปลอดภัย ให้แจ้งมายังกระทรวงดิจิทัลฯ ให้แจ้งมาที่หน่วย Eagle Eyes ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคล
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงโทษนำข้อมูลส่วนบุคคลไปขาย ว่า มีโทษร้ายแรง มีโทษปรับสูง ยกตัวอย่าง ที่ผ่านมามีบุคคลถูกโทษปรับไป 7 ล้านบาท / ส่วนโทษจำคุกจะต้องพิจารณาจากความเสียหาย
ส่วนความคืบหน้าการออกพระราชกำหนดการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงสัปดาห์ใด นายประเสริฐ ระบุว่า เราได้เสนอสำนักงาน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือ สลค.ไปแล้ว แต่ภายหลัง สลค.ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากขึ้น และกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมกลับไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เป็นไปตามกระบวนการว่าจะสามารถเข้าที่ประชุม ครม.ทันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.68) หรือไม่ โดยระบุว่า ต้องออกเป็นพ.ร.ก.เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยธนาคาร และโอเปอร์เรเตอร์ ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งมาตรการที่ออกไปแล้วหากไม่ปฏิบัติแล้วเกิดความเสียหายธนาคารและโอเปอร์เรเตอร์ต้องรับผิดชอบด้วย ทั้งกรณีมีการส่ง SMS แนบ link มาด้วย จะต้องมีการล้างข้อมูลใหม่ทั้งหมด โดยหากมี พ.ร.ก.ออกมาแล้ว ก็สามารถบังคับใช้ได้ทันที
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews