“อนุทิน” ตอบกระทู้ สว.เขากระโดง ขอทุกฝ่ายเคารพศาล
“อนุทิน” แจงกระทู้ สว. ปมข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง ย้ำตนไม่มีสิทธิ์สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้กระทำสิ่งที่ขัดหลักกฎหมาย ขอทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินจากศาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบกระทู้ถามต่อที่ประชุมวุฒิสภา ของนางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวกับเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ว่า
การกล่าวอ้างว่า ที่ดินจำนวน 5 พันไร่ ที่เขากระโดง มีคำพิพากษาจากศาลฎีกาและศาลปกครองกลางว่า เป็นของการรถไฟแล้วต้องขอเรียนว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็นอย่างยิ่งและเป็นข้อมูลที่บิดเบือนที่ถูกพูดถึงซ้ำๆ ในสื่อหลักทั่วไป หรือแม้แต่การกระทั่งอภิปรายหรือการตั้งกระทู้ถามในหลายเวที
โดยข้อเท็จจริง ในส่วนของศาลฎีกานั้น คือ มีคำพิพากษาที่มีคู่ความเป็นราษฎรฟ้องการรถไฟ ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน คือราษฎรที่อยู่ในบริเวณนั้นอาศัยอยู่มานานแล้ว โดยไปขอให้กรมที่ดินออกโฉนดการรถไฟก็คัดค้าน ซึ่งก็มีการฟ้องร้องกัน
ขณะที่ทางศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า สิทธิในการออกโฉนดของชาวบ้านนั้นไม่มี ออกไม่ได้ ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอย่างครบถ้วน ซึ่งไม่มีการออกโฉนดใดๆทั้งสิ้น และในเรื่องนี้อธิบดีกรมที่ดิน ได้แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนหลายครั้งแล้วว่า ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกาอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง จะฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล พร้อมย้ำว่า คำพิพากษาดังกล่าวนั้นผูกพัน และบังคับได้เฉพาะกับคู่ความ ก็คือราษฎรที่เป็นโจทย์ในคดีเท่านั้น ไม่อาจเป็นเหตุให้กรมที่ดินไปกระทำการใดๆต่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงอื่นๆ ได้ ศาลไม่ได้มีวินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่
การอ้างว่าคำพิพากษานั้น เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมด จึงเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา ซึ่งเราไม่สามารถนำผลของคำพิพากษาที่ดินแปลงหนึ่งไปใช้บังคับใช้กับที่ดินแปลงอื่นๆ ได้ เนื่องจากการได้มาครองที่ดินแต่ละแปลงมีความแตกต่างกัน ราษฎรซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจึงต้องมีโอกาสในการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและวิธีชีวิตของเขา
ขณะที่ในส่วนของศาลปกครองกลางนั้น ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดตามที่มีการสื่อสารคลาดเคลื่อนกันไป แต่ศาลได้สั่งให้อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และเมื่อพิจารณาข้อความเท็จจริงได้เป็นเช่นใด ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะดำเนินการออกคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่เห็นสมควร ซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปิดโอกาสให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการต่อสู้คดีความต่อได้
ขณะเดียวกัน ขอยืนยันว่า ตนมีจริยธรรม ยึดมั่นในกฎระเบียบต่างๆ ไม่สามารถสั่งการใดๆ แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่มีกฎหมายรองรับ หรือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายได้ นับตั้งแต่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาในทุกกระทรวงที่รับผิดชอบ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายเคารพคำสั่งศาล เนื่องจากเป็นคำสั่งสูงสุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews