“จตุพร” ฉะ “ทักษิณ” สติแตก ย้อนเจ็บ “รวย” ไม่ได้หมายถึงซื่อสัตย์สุจริต
“จตุพร”ฉะ”ทักษิณ”สติแตก หาเสียงเหยียดเชื้อชาติ โยนเชือกผูกคอคนด่า ย้อนเจ็บความรวยจึงไม่ได้อธิบายถึงความซื่อสัตย์สุจริต
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์โต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ถ้อยคำปราศรัยหาเสียงดุดัน ด้อยค่า ข่มขู่ และเหยียดเชื้อชาติ สะท้อนอาการถูกกดดันหนักขึ้น จนไม่สามารถควบคุมสติของผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ ในการปราศรัยหาเสียงนายก อบจ.ที่เชียงราย สะท้อนถึงอาการหนักขึ้นทุกวัน เพราะแต่ละคำพูดบอกถึงความกดดัน และใช้ถ้อยคำด่าถึงควาย โดยก่อนหน้านี้ พูดหาเสียงที่อุดรและเชียงใหม่ก็ใช้คำพูดโต้กลับเสียงวิจารณ์ว่า เป็นสุนัขชอบเห่าหอน
อีกทั้งกล่าวว่า นายทักษิณ พูดถึงความร่ำรวยของตัวเองมีมาตั้งแต่ปี 35-36 แต่หลังจากเป็นนายกฯ (ปี 44-49) ต้องถูกยึดทรัพย์ เมื่อยื่นถวายฎีกายังยอมรับกระทำความผิดจริงและได้สำนึกในการกระทำแล้ว ดังนั้น ทักษิณย่อมรู้แก่ใจว่า รวยมาจากที่ไหนอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายทักษิณพยายามอธิบายถึงความร่ำรวย แต่ความร่ำรวยนั้นยังต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาและไม่ใช่คดีเดียว แล้วเป็นความร่ำรวยจากการไปแปลงสัญญากรณีเอไอเอส จนศาลให้ชดใช้ 66,000 หมื่นล้าน แต่ไม่มีการบังคับคดี
“ตัวนายทักษิณ ยังถูกยึดทรัพย์อีก 46,000 ล้าน ยังไม่นับคดีอื่นอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับทำความเสียหายให้บ้านเมือง ดังนั้น ความรวยจึงไม่ได้อธิบายถึงความซื่อสัตย์สุจริต อย่างไรก็ตาม นายกฯ ก่อนทักษิณ แม้ไม่ได้ร่ำรวย แต่ไม่มีคดีจนถูกยึดทรัพย์ ดังนั้น ทักษิณ จึงเป็นนายกฯ คนแรกที่มาจากการเลือกตั้งแล้วต้องคำพิพากษาในคดีทุจริต ซึ่งต้องคิดให้หนัก”
ส่วนการพูดจะส่งเชือกให้คนวิจารณ์รัฐบาล เพราะเป็นพวกมองโลกแย่ ไม่ดีไปหมดนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ผู้ช่วยหาเสียงใช้ถ้อยคำแบบข่มขู่ได้อย่างไรกัน สิ่งสำคัญทักษิณใหญ่มาจากไหนจึงมีอิทธิฤทธิ์ ถึงขนาดส่งเชือกไปให้ใครผูกคอตายก็ได้ ถ้าไม่อยากให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ก็อย่ามาเป็นรัฐบาล การเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาล เป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าไม่อยากให้ใครวิจารณ์ คุณต้องนอนอยู่บ้าน ใครจะยุ่งกับคุณ
พร้อมทั้งกล่าวว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหาร ดูแลงบประมาณเกินกว่าปีละ 3 ล้านล้าน และยังไม่นับเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อื่นใดทั้งในและนอกงบประมาณอีก ถ้าไม่ให้ประชาชนวิจารณ์ก็ยึดอำนาจไปเลย ดังนั้น ตราบใดยังบอกว่า เป็นประชาธิปไตยอยู่ต้องถูกวิจารณ์ได้ รัฐบาลมาจากการยึดอำนาจ เรายังวิพากษ์วิจารณ์ ถูกปรับทัศคติ ถูกจับไปขังนับไม่ถ้วน แต่วันที่อ้างว่า เป็นประชาธิปไตยทำไมจะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ทักษิณ วิเศษวิโสอะไรนักหนา ยิ่งคนมีประวัติไม่ดี ยิ่งต้องส่งเสียงวิจารณ์ ประชาชนจะมองเห็นความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น ทองแท้ไม่กลัวไฟเพราะไม่ลอก มีแต่ทองชุบที่กลัวลอก
นายจตุพร กล่าวว่า การตรวจสอบรัฐบาลไม่ได้หมายความว่า ชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง และเงินภาษีของประชาชนจึงต้องตรวจสอบ และทุกรัฐบาลมีการตรวจสอบกันทั้งนั้น ไม่ใช่ตื่นเช้ามาก็ด่ารัฐบาล เขาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กัน จะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้หรืออย่างไร ถ้าไม่อยากถูกวิจารณ์ก็นอนอยู่บ้าน หรือเลิกเป็นรัฐบาลไป และที่ทักษิณบอกว่า อีกนิดเดียวก็จะผูกคอตายแล้ว จะส่งเชือกมาให้ คำขู่หรือเปล่า เมื่อต้องการจะเป็นผู้ปกครอง ต้องได้รับการตรวจสอบเป็นธรรมดา
ส่วนนายทักษิณพูดถึงคนแอฟริกาดำ จมูกแหมบ หายใจยากยังถูกจ้างเป็นนางแบบ นายจตุพร กล่าวว่า คงไม่เข้าใจทัศนะการเหยียดเป็นเรื่องเปราะบางมาก นักสิทธิมนุษยชนอย่างนางอังคณา นีละไพจิตร ยังออกมาวิพากษ์วิจาณ์เลย เรื่องการเหยียดกันนั้น แต่ละชาติจะหลีกเลี่ยงกัน แต่นายทักษิณ ทำหน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งกลับพูดลามไปถึงชาติพันธุ์ของแต่ละชาติ มันไปไกลมาก
นายจตุพร กล่าวว่า จริงอยู่นายทักษิณ เป็นพ่อนายกฯ แต่ประเทศนี้ไม่ได้อำนาจให้พ่อที่เป็นบุคคลต้องห้าม และเป็นบุคคลภายนอกพรรคการเมือง มาสั่งสอน และไม่ใช่เรื่องทฤษฎีพ่อแม่ไม่ได้สั่งสอน แต่พ่อที่เป็นคนภายนอกการเมืองและถูกตัดสิทธ์ การสั่งสอนในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน จึงถูกห้ามและส่อจะครอบงำ เพราะการสั่งสอนกับการแทรกแซง ครอบงำเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นตนจึงไม่ได้กลัวท่วงทำนองหาเสียงของทักษิณเลย เพราะไม่รู้หน้าที่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews