“สว.พันธุ์ใหม่” แถลงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“สว.พันธุ์ใหม่” แถลงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยินดีจะสละอำนาจที่จะลงมติแก้ไขรธน. หนุนให้มีผู้แทน มาร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนโดยตรง
สว.พันธุ์ใหม่ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ,นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ,นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร แถลงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยน.ส.นันทนา กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าว ทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน ในส่วนของกลุ่มสว.พันธุ์ใหม่เราได้มีมติร่วมกัน
พร้อมแสดงจุดยืนว่าเราสนับสนุนร่างฉบับของพรรคประชาชนเรายินดีจะลดอำนาจของสว.ในการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ. จากฉบับปัจจุบัน ที่ให้ใช้สว. 1ใน 3 ซึ่งเรามองว่าสว.ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง กระบวนการที่ได้มาไม่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศได้
“เรายินดีจะสละอำนาจที่จะลงมติแก้ไขรธน. เพื่อให้ผู้ที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่แท้จริงคือสส.ได้เป็นผู้ลงมติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด“ น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เราสนับสนุนให้มีผู้แทน มาร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนโดยตรงคือการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซนต์ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นเจตจำนงของประชาชน บรรจุอยู่ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ
เมื่อถามว่า สว.พันธุ์ใหม่ มีความคิดเห็นต่อเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และ 2 อย่างไร น.ส.นันทนา กล่าวว่า เราชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 มีที่มาจากการรัฐประหารเมื่อจุดตั้งต้นไม่ใช่มาจากประชาชน ตัวร่างรัฐธรรมนูญทั้งร่างจึงมีข้อกำหนด บทมาตราต่างๆที่บิดเบี้ยว และมีช่องโหว่มากมาย ดังนั้นถ้าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปแก้ไขรูปของรัฐ ระบอบการปกครอง
“แต่ที่แก้ทั้งฉบับเพื่อให้ที่มาของรัฐธรรมนูญมาจากประชาชนอย่างแท้จริง และบทบัญญัติทั้งหมดสอดคล้องกันทั้งฉบับไม่ใช่เป็นการแก้หมวดใดหมวดหนึ่ง แล้วละเว้นหมวดใดหมวดหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วเท่ากับมรดกของเผด็จการยังอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าเราไม่ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ”น.ส.นันทนากล่าว
ด้านนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา กล่าวเสริมว่าตนเข้าใจว่าประเด็นนี้อาจจะมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อกังวล หรือบางครั้งอาจจะถูกลากไปเป็นเกมการเมือง ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ได้หมายความว่าจะมีการแก้ไขหมวด1 และ2
แต่เป็นการย้ำว่าเป็นการสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และที่สำคัญหมวดดังกล่าวก็เคยมีการแก้ไขในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ โดยเป็นการแก้ถ้อยคำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และคนที่แก้มากที่สุดคือนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ. ) ตนแปลกใจว่าทำไมไม่ไปถามนายมีชัยกันบ้าง
นายเทวฤทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการกำกับไว้ในมาตรา 255 ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปแก้ในรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบของรัฐไม่ได้ ดังนั้นหากใครกังวลเรื่องว่าจะมีการแก้รูปแบบการปกครองหรือระบอบการปกครองของรัฐ ก็มีมาตรานี้กำกับ อีกทั้งกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญก็ต้องผ่านการทำประชามติอย่างน้อย2 ครั้ง หมายความว่าหากมีการแก้แล้วกระทบต่อรูปแบบของรัฐ ตนเชื่อว่า หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยคงโหวตไม่รับ
“ผมเข้าใจเรื่องความแคลงใจหรือกังวลว่าจะมีการไปแตะหมวด1 และ2 แต่เรามีกฎหมายล็อคไว้อยู่แล้ว ในร่างของพรรคประชาชนก็ล็อคว่า มาตรา255ว่าจะไม่แก้รูปแบบการปกครอง ผมจึงไม่เข้าใจว่าที่กังวลนั้นเขากังวลจริงๆหรือกังวลเป็นเงื่อนไขทางการเมือง” นายเทวฤทธิ์กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews